กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์ุพืช แถลงยืนยันหลักฐานที่มีอยู่เอาผิดนายเปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอบริษัทอิตาเลียนไทย กับพวก ที่ลักลอบล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เผยยังเชื่อมั่น พล.ต.อ.ศรีวราห์ และยืนยันหัวหน้าวิเชียรและเจ้าหน้าที่อุทยาน ไม่มีความผิดหรือบกพร่องใดๆ
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แถลงผลการตรวจสอบซากเสือดำและซากสัตว์ที่พบในแคมป์ของน่ายเปรมชัย โดยพบว่าชิ้นเนื้อที่อยู่ในหม้อซุป เป็นของเสือดำเพศเมีย ชิ้นส่วนที่ผู้ต้องหาให้การว่างเป็นเก้ง แต่ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นหมูป่า ซึ่งตามกฏหมายของกรมอุทยานฯ ซากสัตว์ป่าที่พบในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถือเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ภายในเขตอนุรักษ์ ซึ่งผิดกฏหมายชัดเจนไม่มีสิทธิ์โต้แย้งได้
สำหรับชิ้นเนื้อที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นไก่ฟ้าหลักเทา แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นไก่ฟ้าหลังขาว ก็ถือว่าเป็นสัตว์ป่าสงวน และสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามนำออกหรือส่งออกด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนวัตถุพยานที่พบ เช่น มีดอีโต้ มีดทำครัว มีดเหน็บและเขียงพลาสติก พบว่ามีดีเอ็นเอของเสือดำตัวเดียวกันกับที่พบในหม้อ ส่วนถุงดำยังต้องรอการตรวจสอบ และการจำลองวิถีกระสุนยิงเสือดำ ทางกรมอุทยานฯกำลังดำเนินการและส่งข้อมูลให้ตำรวจ แต่ตำรวจจะนำไปประกอบสำนวนคดีหรือไม่ ยังตอบไม่ได้
ส่วนงาช้างแอฟริกาที่ยึดได้จากบ้านของนายเปรมชัย ซึ่งทางกรมอุทยานฯเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกีี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทศ. ให้เอาผิดกับนางคณิตา กรรณสูต ภรรยาของนายเปรมชัย ในข้อหามีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 4 ปี ปรับ 40,000 บาท เพราะนางคณิตาเป็นผู้แจ้งการครอบครองงาช้าง
ขณะที่การตรวจสอบความผิดของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำผิด หรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนางกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า จนถีงนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ที่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ แต่คณะของนายเปรมชัย ลักลอบเข้าไปในจุดหวงห้ามเอง เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตามระเบียบ จึงถือว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีความบกพร่อง
ส่วนกรณีที่นายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ มอบไฟฉาย 5 กระบอก ให้กับเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการมอบในฐานะรุ่นพี่ ไม่เกี่ยวข้องกับการติดสินบน
ส่วนกรณีที่โซเชียลพากันกระหน่ำติดแฮชแทค “ไม่เอาศรีวราห์” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ทำงานตามขั้นตอนทางกฏหมาย โซเชียลจะวิจารณ์อย่างไรก็ถือว่าเป็นสิทธิ แต่เป็นเรื่องนอกกฏหมาย ซึ่งไม่ได้ทำให้น้อยใจหรือท้อใจในการทำงาน แต่หากตรวจสอบพบว่า มีการเคลื่อนไหวที่เป็นกระบวนการ ก็จะดำเนินการตามกฏหมายเช่นกัน เบื้องต้นพบว่ามีหลายบุคคลที่เข้าข่าย และกำลังตรวจสอบ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: