ตำรวจสรุปสำนวนส่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอบริษัทอิตาเลียนไทย กับพวกรวม 4 คน ที่ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก โดยส่งฟ้องทั้งหมด 9 ข้อหา เว้นข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ขณะที่อัยการยืนยันจะเร่งรัดการทำสำนวน เพื่อให้มีความเห็นสั่งคดีให้เร็วที่สุด
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ นำสำนวนคดีนายเปรมชัย พร้อมพวก 4 คน ร่วมกันล่าสัตว์ป่า ไปมอบให้นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 และนายทนง ตะภา อัยการจังหวัดทองผาภูมิ
โดยในคดีที่เกี่ยวกับการลักลอบล่าสัตว์ป่า มีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก เป็นผู้กล่าวหา ส่วนนายเปรมชัย กรรณสูต เป็นผู้ต้องหาที่ 1 , นายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถ) เป็นผู้ต้องหาที่ 2 , นางนที เรียมแสน (แม่บ้าน) เป็นผู้ต้องหาที่ 3 , นายธานี ทุมมาศ เป็นผู้ต้องหาที่ 4 โดยรายละเอียดข้อหาทั้งหมด ประกอบด้วย
1.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาติจากพนักงานเจ้าหน้าที่
3.ร่วมกันล่าและพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
5.ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด
6.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
7.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
8.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
9.ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน
10.ร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร
ซึ่งในข้อหาที่ 10 ทารุณกรรมสัตว์ พนักงานสอบสวนไม่แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 4 จึงทำให้เหลือข้อหาทั้งหมด 9 ข้อหา รวมทั้งเสนอเห็นควรสั่งฟ้องนายเปรมชัย จำนวน 8 ข้อหา โดยข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เห็นว่าไม่สั่งฟ้อง เพราะอาวุธปืนของกลางของนายเปรมชัย มีใบอนุญาตถูกต้อง ขณะที่ผู้ต้องหาที่ 2-4 เห็นควรให้ฟ้องทั้ง 9 ข้อหา
ด้านสำนักงานอัยการภาค 7 เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป ผู้ต้องหาเป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคม สื่อมวลชน กลุ่มองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองพิทักษ์สัตว์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งประชาชน ได้ติดตามการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นคดีสำคัญ
นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาดำเนินคดีนี้ เพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปอย่างรอบคอบโปร่งใส โดยคณะทำงานประกอบด้วย นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศาฝ่ายคดีอาญา2 ภาค 7 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน , นายทนง ตะภา อัยการจังหวัดทองผาภูมิ คณะทำงาน , พ.ต.ท.อำนาจ สุจริตชัย รองอัยการจังหวัดกาญจนบุรี คณะทำงาน และนายกฤษฎา ชูโต รองอัยการจังหวัดทองผาภูมิ คณะทำงานและเลขานุการ
เมื่อคณะทำงานพิจารณาและมีความเห็นเสนออธิบดีอัยการภาค 7 มีคำสั่งทางคดีเรียบร้อยแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดจะได้แถลงให้ทราบในโอกาสต่อไป โดยหลังจากนี้ ทางอัยการจะเร่งรัดการทำสำนวนในทุก 7 วัน เพื่อให้มีความเห็นในการสั่งคดีให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องรายละเอียดในสำนวนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ พร้อมยืนยันว่า การทำงานของอัยการต่อจากนี้ จะดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส รวดเร็ว สามารถตรวจสอบได้
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) นายเปรมชัย กรรณสูต จะต้องเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่ถูกแจ้งเพิ่มเติม 2 ข้อหา คือ ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง(งาช้างแอฟริกา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และความผิดตามพรบ.อาวุธปืน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ปทส.
นอกจากนี้ ยังมีคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ที่นายเปรมชัยต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งทางทนายความยืนยันว่า นายเปรมชัย พร้อม นางคณิตา กรรณสูต ภรรยา และน.ส.วันดี สมภูมิ ผู้ที่รับรองการครอบครองงาช้างที่พบในบ้านของนายเปรมชัย จะเข้าพบพนักงานสอบสวน ในเวลา 10.00 น. แต่หากไม่มาตามนัด โดยไม่มีเหตุอันควร ก็จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อพิจารณาขออนุมัติหมายจับ และจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการให้ปากคำของผู้ถูกกล่าวหา ว่าให้การเป็นประโยชน์มากน้อยเพียงใด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: