นายกฯตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จ.สุรินทร์ มอบนโยบาย-ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ขอให้ทำงานอย่างเท่าเทียมถูกต้องตามกฎหมาย เน้นพูดคุยเจรจาสม่ำเสมอกับเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อนบ้าน ร่วมกันพัฒนาให้การค้าขายระหว่างประเทศดียิ่งขึ้น
สำหรับจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม เป็นด่านการค้าชายแดนถาวร มีการค้าชายแดนในปีที่ผ่านมา (2560) มีมูลค่ารวม 3,011.31 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออกจำนวน 862.74 ล้านบาท และมูลค่าการนำเข้ามูลค่า 2,138.57 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และน้ำอัดลม ทั้งนี้ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ยานพาหนะ และผู้เดินทางเข้าออกข้ามจุดผ่านแดนมีปริมาณและความถี่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้มีอัตราการเจริญเติบโตของการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวสูง และเป็นการเติบโตในระดับการค้าระหว่างประเทศ ที่มีรูปแบบที่หลากหลายทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณด้วย โดยคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าการเติบโตจะมีมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท
ภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ขอให้ทำงานโดยความเป็นธรรม ทำทุกอย่างด้วยความเท่าเทียมถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการทำงานกับเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อนบ้านเน้นการพูดคุยเจรจาสม่ำเสมอ ร่วมกันพัฒนาให้การค้าขายระหว่างประเทศดียิ่งขึ้นไป โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
ข่าวน่าสนใจ:
นายกรัฐมนตรียังได้ทักทายพี่น้องประชาชนกลุ่มพัฒนาสตรีอำเภอกาบเชิง ที่มาให้การต้อนรับว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบ การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้หวังผลประโยชน์ทางการเมือง แต่มาเพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนเหมือนทุก ๆ จังหวัด และขอให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน นำเทคโนโลยีมาช่วยในการค้าขายออนไลน์ หาสินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมกับให้ค้นหาศักยภาพที่แตกต่างของแต่ละพื้นที่เป็นจุดขาย นำมาขยายต่อเชื่อมโยงสู่กลุ่มภูมิภาค อย่าให้ใครผูกขาดการค้าขาย ที่สำคัญต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของบุตรหลาน ขอให้ช่วยพ่อแม่ทำงาน ร่วมกันสร้างครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นครอบครัวที่มีความสุขอย่างพอเพียง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากการค้าชายแดนช่องจอมมีมูลค่าที่เติบโตขึ้นนั้น เป็นเพราะการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล เน้นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศซึ่งได้มีการพูดคุยเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดความร่วมมือซึ่งกันและกัน ทำให้เศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่ ระดับท้องถิ่น และระดับภูมิภาคดีขึ้น
สำหรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการต่าง ๆ นั้นรัฐบาลต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า และผลประโยขน์ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
โอกาสนี้ ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงกลุ่มสตรีได้ร้องเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมร้องเพลงและเดินทักทายอย่างเป็นกันเอง พร้อมกล่าวชมกลุ่มสตรีว่าร้องเพลงเพราะ ซึ่งเพลงนี้แต่งออกมาจากใจนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นการบิดเบือน และไม่ต้องการให้ใครมารักนายกฯ แต่ต้องการให้รักประเทศไทย จะทำอะไรขอให้อยู่ภายใต้กฎหมาย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: