จากกรณีร้าน BANANA เทศบาลเมืองนครนายก อ.เมือง จ.นครนายก ถูกงัดร้าน ทรัพย์สินและเงินสดสูญหายมูลค่า กว่า 1.9 ล้าน เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 65 เวลาประมาณ 03.00 น.
คืบหน้าล่าสุด บก.สส.ภ.2 และนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมจาก ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมคนร้ายคดีนี้มีความเหมือนกับเหตุ เมื่อ 27 ม.ค. 64 ที่ภายในร้าน BANANA สาขาจังหวัดยะลา เลขที่ 65 ถ.รวมมิตร ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา พื้นที่ สภ.เมืองยะลา และ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 65 ที่ร้าน BANANA สาขาสายไหม 109 ซอย สายไหม 9 แขวง สายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.สายไหม ซึ่งคนร้ายแต่งกายชุดก่อเหตุทั้งสามคดีเหมือนกันคือ สวมใส่กางเกงชั้นในตัวเดียวมีลักษณะ “ถอดแบบ” จากการตรวจสอบประวัติต้องโทษคดีของ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ก็พบว่าก่อเหตุมาไปทั่วกว่า 9 คดี 9 พื้นที่ (สภ.เมืองยะลา , สภ.หาดใหญ่ , สภ.เมืองพัทลุง , สภ.เมืองนครศรีธรรมราช , สภ.เมืองหนองบัวลำภู , สภ.เมืองอุบลราชธานี , สภ.หัวหิน , สน.สายไหม) จนถูกเรียกว่า โจรกางเกงในตัวเดียว
ข่าวน่าสนใจ:
- ศึกษาธิการระยอง จับมือเทคนิคระยอง และศูนย์การค้าเซ็นทรัลระยอง จัดกิจกรรมโครงการเรียนดี มีความสุขสู่อนาคตที่สดใส
- พะเยา ล้อมจับขโมยในร้านข้าวมันไก่ชาวบ้านรุมสกรัมเลือดอาบทั่วตัว
- คึกคักกว่าทุกปีสุดยอดงานสืบสานประเพณีตีคลีไฟหนึ่งเดียวในโลก!
- “วิทยา แก้วภราดรัย” รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยันการแก้ปัญหาน้ำมันแพง เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อประชาชน ไม่หวั่นปัญหาพรรคที่เกิดขึ้น
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งสั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร. (PCT 5) พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนฯ บก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สืบสวน 3 และทีมงานเร่งสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี และติดตามของกลางที่คนร้ายขโมยไปมาให้ได้โดยเร็ว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 (หลังเกิดเหตุ 1 วัน) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้จับกุมตัวนายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส อายุ 23 ปี ที่อยู่ 25 ถ.ทรายทอง ต.สุไหงโกลก อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง คือ
1. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 31 เครื่อง ตรวจค้นพบห้องพักเลขที่ 46/185 ชั้น 7 อาคาร 624 comdolette ลาดพร้าว ถนนเสรีไทย แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพ
2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 58 เครื่อง ตรวจค้นพบห้องพัก เลขที่ 704 โรงแรมย่าน ซ.รามคำแหง 40 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพ
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 46/185 ชั้น 7 อาคาร 624 comdolette ลาดพร้าว ถนนเสรีไทย แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
จากการสอบสวน นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ให้การรับสารภาพ และยอมรับว่าเป็นลงมือก่อเหตุลักทรัพย์ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ “BANANA” สาขานครนายกจริง จนกระทั่งได้หลบหนีมาอยู่คอนโด comdolette ย่านลาดพร้าว และเปิดห้องพักโรงแรม ย่านรามคำแหงเพื่อซ่อนโทรศัพท์ที่ขโมยมา และเตรียมพร้อมหอบของกลางโทรศัพท์ที่ขโมยมาหลายร้อยเครื่องกลับไปยังภูมิลำเนา จ.นราธิวาส แต่ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้บุกเข้าจับกุมเสียก่อน ที่ห้องพักเลขที่ 46/185 ชั้น 7 อาคาร 624 comdolette ลาดพร้าว ถนนเสรีไทย แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพ จากผลการตรวจค้นพบ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส พร้อมตรวจยึดของกลางได้กว่า 79 รายการ ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือที่ก่อเหตุขโมย จำนวน 31 เครื่อง
โดย นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ยอมรับว่ายังซุกซ่อนโทรศัพท์ที่ขโมยมาอีกส่วนหนึ่งอยู่ในโรงแรมย่านรามคำแหง ต่อมานายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 704 โรงแรมย่านซ.รามคำแหง 40 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลางได้อีก 70 รายการ โดยเป็นโทรศัพท์มือถือที่ก่อเหตุขโมยจำนวน 58 เครื่อง โดยการลงทะเบียนเปิดห้องโรงแรม นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ได้ใช้บัตรประชาชนของเพื่อนเพื่อหลบเลี่ยงการติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการตรวจค้นทั้ง 2 จุดรวมกลางได้ทั้งสิ้น 149 รายการ เป็นโทรศัพท์มือถือที่ก่อเหตุขโมยมาทั้งสิ้น จำนวน 89 เครื่อง
ในชั้นจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ หรือรับของโจร” และเป็นบุคคลตามหมายจับ จำนวน 4 หมายจับดังนี้
– หมายจับศาลจังหวัดศาลจังหวัดยะลาที่ จ.54/2564 ลงวันที่ 4 ก.พ. 64 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้าหรือรับของโจร”
– หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.48/2565 ลงวันที่ 20 ม.ค. 65 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือรับของโจร”
– หมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจังหวัดสงขลาที่ 8/2564 ลงวันที่ 27 พ.ค. 64 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า”
– หมายจับศาลจังหวัดพัทลุงที่ 129/2564 ลงวันที่ 23 เม.ย. 64 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า”
นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และให้การอ้างว่า “ที่ขโมยแต่ร้าน BANANA เพราะชอบกล้วยและชอบสีเหลืองจึงขโมยแต่ร้านนี้ และที่ชอบถอดเสื้อผ้าให้เหลือกางเกงในตัวเดียวแล้วเข้าไปขโมยของเพราะมันทำเกิดความรู้สึกให้มั่นใจ รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และที่ขโมยกล้องวงจรปิดไปด้วยเพราะเมื่อปี 2564 ถูกตีข่าวว่าที่จังหวัดยะลาเป็นโจรกางเกงในโรคจิต รู้สึกไม่ชอบจึงขโมยกล้องไปด้วยทุกครั้งหลังจากคดีนั้นนั้น โดยการหาร้านที่จะก่อเหตุจะค้น google map หาร้าน BANANA แบบสุ่มตัวอย่างแล้วจะไปละแวกนั้นก่อนก่อเหตุประมาณ 3 ชั่งโมงถึง 6 ชั่วโมง สำรวจเส้นทางรอบๆ แล้วค่อยก่อเหตุหลังเที่ยงคืน
โดยที่มุ่งขโมยแต่โทรศัพท์เพราะฝังใจตอนเด็กๆที่เพื่อนมีโทรศัพท์แต่ตนเองไม่มี จึงเริ่มก่อเหตุโดยแรกๆก็ลักขโมยเล็กน้อยจนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆจนแทบกวาดหมดร้าน โดยเมื่อขโมยมาได้แล้วมักเอาบางส่วนไปขายและเอาเงินไปใช้ และจะนำโทรศัพท์บางส่วนไปแจกให้กับคนเร่ร่อนละแวกสนามหลวงและหัวลำโพงและบางส่วนก็จะนำไปแจกให้กับคนที่ภูมิลำเนาที่ จ.นราธิวาส โดยจะแจกทั้งเงินและโทรศัพท์ เนื่องจากตนเองเป็นคนไร้บ้านมาก่อนในลักษณะของจอมโจรโรบินฮูด แต่สื่อกลับตั้งฉายาว่าโจรกางเกงในโรคจิต ”
จากการตรวจค้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และ ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ตรวจยึดของกลางซึ่งเป็นพยานหลักฐานได้หลายรายการ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการก่อคดีในครั้งก่อนๆ นายเจ๊ะอิสมะแอ ฮามะ หรือคาร์มัส ซึ่งจากนี้จะมีการขยายผลการจับกุมโดยละเอียด ก่อนที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครนายก ดำเนินคดีตามกฎหมาย และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พร้อมชุดสืบสวน ประสานข้อมูลกับ ตำรวจ ภ.9 อย่างใกล้ชิดต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า “เป็นผลงานของชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบภาค 2 และ ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ตามแนวคิดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เพื่อกวาดล้างอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆที่สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยได้ตรวจพบว่าคนร้ายในคดีนี้มีลายเซ็นต์อาชญากรมีรูปแบบที่แปลกกว่าคดีอื่นเป็นอย่างมาก ก่อเหตุจำนวนหลายครั้ง ถึงแม้ว่าคนร้ายจะไม่ใช้ชื่อตัวเองเพื่อสะดวกต่อการหลบหนี แต่ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมหลังก่อเหตุได้เพียง 1 วัน หลังจากนี้จะขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆให้ถึงที่สุด รวมไปถึงกลุ่มผู้ที่รับซื้อของโจรเหล่านี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: