ที่นครนายก เมื่อเวลา 17.00 น. บริเวณวัดบุญนาครักขิตาราม (วัดต่ำ) อ.เมือง จ.นครนายก ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นวัด ซึ่งระหว่างเกิดเสียงระเบิดนั้น ภายในวัดกำลังมีพิธี รดน้ำศพ อยู่ ซึ่งมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกคนต่างพากันตกใจกับเสียงระเบิดที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้สื่อข่าวก็อยู่ภายในงานศพพอดี จึงได้รีบวิ่งออกมาดูจุดเกิดเหตุ ก็พบ รถเก๋งฮอนด้าซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน สฮ 2587 กทม พุ่งชนรั้ว ภายในวัด สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน และรั้วเหล็กของทางวัด ได้รับความเสียหาย ซึ่งหากไม่มีรั้วเหล็กกั้นอยู่ รถคันเกิดเหตุจะพุ่งชนเสาไฟฟ้า และรถของประชาชนที่มารดน้ำศพ ซึ่งจอดอยู่บริเวณนั้นจำนวนหลายคันผู้สื่อข่าวสอบถาม ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พอได้ยินเสียงระเบิดก็ได้รีบวิ่งออกมาดู เพราะรถตนจอดอยู่บริเวณนั้น ซึ่งตอนแรกตัวเองก็ตกใจคิดว่ารถตนระเบิด แต่เมื่อวิ่งออกมาก็พบมีชาย ลักษณะ ตัวเล็ก สวมเสื้อสีขาว อายุประมาณ 50 ได้กระโดดออกมาจากบริเวณด้านหน้าตัวรถ ซึ่งกระจกรถด้านหน้าได้แตกทั้งบาน ทำให้คนขับได้กระโดดออกมาได้ เมื่อคนขับเห็นตน ก็พยายามจะวิ่งหนี ตะโกนว่าน้องชายผมขับครับอยู่ตลอด ซึ่งระหว่างนั้นรถยังเคลื่อนตัวดันอยู่กับรั้วเหล็ก เนื่องจากว่ารถเป็นเกียร์ออโต้ แล้วคนขับไม่ได้ดับเครื่องยนต์ ตนจึงได้ตะโกนบอกคนขับว่าจะไปไหนกลับมาดับเครื่องก่อน ซึ่งคนขับมีท่าทีลุกลนอยู่ตลอดเวลาแล้วได้หันกลับมาดับเครื่องยนต์รถ ก่อนที่จะวิ่งหนีออกจากวัดไป ทางด้านหน้าซุ้มประตูวัด ซึ่งตนได้พยายามขี่รถ จยย. ตามแล้ว แต่ไม่ทันเห็นว่าคนขับวิ่งออกจากวัดแล้วเลี้ยวซ้ายหรือขวา เลยไม่สามารถตามตัวกลับมาได้ ซึ่งพอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็ได้รีบตามไปหาตัวคนขับรถคันดังกล่าว แต่ไม่สามรถหาตัวเจอ ได้เพียงข้อมูลจากบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณหน้าวัด ว่าเห็นชายคนดังกล่าววิ่งผ่านหน้าร้านไป ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พระอาจารย์เปี้ยก เจ้าอาวาสวัด ซึ่งนั่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ พอดี ทางเจ้าอาวาสได้เล่าว่า เห็นรถเก๋งได้พุ่งชนรั้ว จากนั้นคนขับก็กระโดดออกมาทางด้านหน้ารถ จากนั้นก็ได้ก้มๆ เงยๆ มีท่าทีแปลกๆ คล้ายคนมีอาการมึนเมา พอมีคนวิ่งออกมาดูก็ทำท่าจะวิ่งหนี จากนั้นก็หันกลับไปดับเครื่องรถ แล้วก็วิ่งหายออกไปด้านหน้าวัด
ซึ่งต่อมา ผู้สื่อข่าวได้โพสต์ภาพรถลงไปทางสื่อโซเชียล ก็ได้รับการติดต่อจากเจ้าของรถกลับมา และได้ให้ข้อมูลว่า รถเป็นรถของตน แต่ตนไม่ได้เป็นคนขับรถคันดังกล่าวมา เนื่องจากว่า รถคันนี้ตนได้นำไปจำนำไว้ที่แห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากตนส่งดอกไม่ไหวจึงปล่อยให้เค้ายึดไป โดยที่รถนั้นยังเป็นชื่อตนอยู่ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อมาหาตนแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ติดตามจากชื่อผู้ครอบครองรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกให้ตนไปให้ปากคำที่ สภ.เมืองนครนายก เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป.
ข่าวน่าสนใจ:
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: