ผู้ประกอบการ ให้เช่าคลังสินค้าแฉ!! …องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ทิ้งกองข้าวเน่าไว้ 8 ปี ไม่รับผิดชอบทางผู้ประกอบการออกโรงร้องต่อสื่อขอความเป็นธรรมผ่านไปยังองค์การคลังสินค้าและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้ขนกองข้าวเน่าคาอยู่หน้าบริเวณคลังสินค้าจำนวน 20,000 กระสอบ หรือ 2,000 ตัน เนื่องจากได้รับผลกระทบต่อภาพลักษณ์เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ
เจ้าของคลังให้เช่าโกดังหรือที่เรียกว่าคลังสินค้า สำหรับเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” กลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีกองข้าวเน่าคาอยู่หน้าคลังจำนวน 20,000 กระสอบ หรือ 2,000 ตัน หลัง อคส..ปัดความรับผิดชอบ ทิ้งกองข้าวเน่าโชว์เหม็นผ่านมาถึง 8 ปี แต่ส่งเจ้าหน้าที่เช็คสต๊อกข้าวคงเหลือประจำปี ปีละ 2 ครั้ง คืองวดมีนาคม และงวดกันยายน ทางเจ้าของคลังก็ไม่กล้าขนย้ายออกเพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐ ก็ได้แต่พยายามหาหนทางติดต่อประสานกับองค์การคลังสินค้าชี้แจงด้วยเอกสารต่างๆ แล้ว แต่ทางองค์การคลังสินค้าก็ยังเพิกเฉยประกอบกับมีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการคลังสินค้ามาแล้วหลายคน และมีการบ่ายเบี่ยงมาตลอดเวลา มาถึงวันนี้ผู้ประกอบการไร้ที่พึ่ง จึงได้ออกมาร้องกับสื่อ แฉถึงพฤติกรรมขององค์การคลังสินค้า ที่ไม่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินของรัฐ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐและทางบริษัทได้รับความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือต่อการประกอบธุรกิจ และอาจกระทำผิดกฎหมาย หากไปขนย้ายทำลายทิ้งกองข้าวเน่า จำนวนนี้ เพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐ และหากองค์การคลังสินค้าไม่มาดำเนินการ ผู้ประกอบการค้าขายข้าวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะกลายเป็นสถานที่สำหรับทิ้งข้าวเน่าขององค์การคลังสินค้าที่ไร้การรับผิดชอบต่อปัญหานี้
ปัญหาดังกล่าวนี้ นายมนต์ชัย รุ่งชาญชัย ผู้ประกอบการ บริษัทสิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่นจำกัดเลขที่ 99/1 หมู่ 2 ต.ธำมรงค์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร หมดความอดทนแล้ว จึงออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนเรียกร้องขอความเป็นธรรมว่า สืบเนื่องมาจากที่องค์การคลังสินค้าหรือ อคส. มาเช่าคลังของบริษัทสิงห์โตทองฯ เมื่อปี 2557 ข้าวกองนี้ปกติแล้วจะอยู่ในคลังสินค้าหลังที่ A1 แต่เมื่อปี 2558 ประมาณเดือนพฤษภาคม ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในในคลังสินค้าทางองค์การคลังสินค้าได้มาขนย้ายข้าวออกจากคลัง กรณีที่เสียหายจากการดับเพลิงหรือไฟไหม้ก็ได้ขนย้ายมาไว้บริเวณหน้าคลังสินค้าแห่งนี้อยู่ประมาณ 4,000 ตันหรือ 4 หมื่นกระสอบ ณ เวลานั้น
ต่อมาทางบริษัทได้ทำหนังสือถึงองค์การคลังสินค้าหลายฉบับด้วยกัน ให้มาขนย้ายข้าวสารหน้าคลังสินค้าแห่งนี้เข้าไปเก็บภายในคลังสินค้าที่เกิดไฟไหม้เดิม ซึ่งมีการเคลียร์พื้นที่แล้ว แต่ องค์การคลังสินค้าได้บ่ายเบี่ยงตลอดเวลาและไม่เคยมาสนใจใยดีกับข้าวสารที่เป็นทรัพย์สินของภาครัฐ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ณ เวลานั้น
ต่อมาเมื่อปี 2563 องค์การคลังสินค้าได้ประกาศขายเปิดประมูลเป็นข้าวพลังงาน ซึ่งเอกชนผู้ชนะการประมูลได้มาขนย้ายข้าว จำนวนนี้ออกจากคลังสินค้าเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2563 แต่ขนย้ายออกไปไม่หมด ขนย้ายออกไปบางส่วนคือในคลังหลัง A1 ขนย้ายออกไปทั้งหมด และ ณ เวลานั้นบริเวณหน้าคลังมีกองข้าวอยู่ประมาณ 4,000 ตันหรือ 40,000 กระสอบ ผู้ชนะการประมูลได้มาขนย้ายออกไปเพียงครึ่งเดียวประมาณ 20,000 กระสอบหรือ 2,000 ตัน ขณะนี้ยังมีข้าวเน่ากองอยู่อีก 2,000 ตันหรือ 20,000 กระสอบ ซึ่งทางบริษัทได้ติดต่อประสานงานไปยังองค์การสินค้าอยู่ตลอดเวลา แจ้งว่าข้าวเน่าที่อยู่หน้าคลังสินค้าของบริษัทฯแห่งนี้ ทำให้เสียภาพลักษณ์บริษัทฯ เป็นอย่างมาก ซึ่งเกิดเน่าเหม็นและมีลูกค้าที่มาเยี่ยมเยียน มาติดต่อซื้อขายกับบริษัทได้เดินเข้ามาเห็นกองข้าวทำให้บริษัทเสียภาพลักษณ์ในการค้าขายอย่างมาก
ในวันนี้ทางบริษัทขอวิงวอนเรียกร้องกับองค์การคลังสินค้าว่า ให้มาดำเนินการขนย้ายข้าวที่ อคส ได้ประมูลขายให้กับเอกชนผู้ชนะการประมูลไปแล้วแต่ผู้ชนะการประมูลไม่มาขนย้ายออกไป ประกอบกับข้าวสารบางส่วนในจำนวนนี้ องค์การสินค้าได้เบิกค่าสินไหมประกันภัย กรณีที่เกิดไฟไหม้ไปแล้วบางส่วน เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านบาท ก็ยังไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นซากของประกันภัย ส่วนไหนเป็นข้าวของ อคส. ที่ผู้ซื้อยังไม่มาขนย้ายออกไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลักๆ เลยก็คือทำให้ภาพพจน์ของบริษัทฯเสียหาย ปัจจุบัน องค์การคลังสินค้าก็ยังมาเช็คสต๊อก ในข้าวจำนวนนี้ปีละ 2 ครั้ง อคส.ก็รู้ดีว่าเป็นทรัพย์สินในความดูแลรับผิดชอบของ อคส. แต่ปรากฏว่า อคส. กลับเพิกเฉยไม่มาดูแลทั้งที่ข้าวสารจำนวนนี้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 30 ล้านบาท ก็ขอวิงวอนให้สื่อมวลชนทุกท่านช่วยเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้มาตรวจสอบองค์การคลังสินค้าที่เพิกเฉย ทิ้งทรัพย์สินของรัฐเกิดความเสียหายในครั้งนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: