“กมลศักดิ์” ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ย้ำ “ยุทธศาสตร์ชาติ” แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ ยืนยันต้องยกเลิกมาตรา 65 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2560
ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันนี้ (วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564) นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นราธิวาส เขต 4 พรรคประชาชาติ ได้อภิปรายในญัตติพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. … (ยกเลิกมาตรา 65 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 7 มาตรา 159 วรรคแรก เพิ่มมาตรา 197/1 มาตรา 193/2 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 11 หมวด 12 มาตรา 256 หมวด 16 ยกเลิกมาตรา 269 มาตรา 270 มาตรา 271 มาตรา 272 และมาตรา 279)
นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า “ตั้งแต่ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎรมา 3 ปี น้อยครั้งที่จะมีการพิจารณากฎหมายจากภาคประชาชนจริงๆ น้อยครั้งที่จะเห็นกฎหมายตามรัฐธรรมนูญเห็นเป็นรูปธรรม นั่นคือรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ลงชื่อเสนอกฎหมายแต่ในทางปฏิบัติไม่ค่อยได้เห็นนัก”
โดยมาตรา 65 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีเนื้อหาดังนี้
มาตรา 65 รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
การจัดทำ การกำหนดเป้าหมาย ระยะเวลาที่จะบรรลุเป้าหมาย และสาระที่พึงมีในยุทธศาสตร์ชาติ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงด้วย
ยุทธศาสตร์ชาติเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
นายกมลศักดิ์ ระบุต่อว่า จุดยืนพรรคประชาชาติ คือ เห็นด้วยและสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 65 ด้วยการยกเลิกมาตรา 65 ทั้งหมด ตามที่ ส.ส.ท่านอื่นกล่าวไว้ เหตุผลที่เราต้องยกเลิกยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพราะที่มาของยุทธศาสตร์แห่งชาติตามรัฐธรรมนูญไม่ชอบมาพากล ด้วยคณะกรรมการที่กำหนดยุทธศาสตร์แห่งชาติและไปผูกโยงกับรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560
ส่วนมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ระบุว่า
มาตรา 162 คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ ทั้งนี้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเข้ารับหน้าที่
ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะกระทบต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่จะดำเนินการไปพลางก่อนเพียงเท่าที่จำเป็นก็ได้
ส่วนเหตุผลที่ต้องยกเลิกมาตรา 65 ในรัฐธรรมนูญ ปี 2560 นายกมลศักดิ์ให้เหตุผลว่า เพราะยุทธศาสตร์แห่งชาติเกี่ยวกับแผนด้านความมั่นคง ซึ่งมีทั้งหมด 15 แนวทาง แต่ขอกล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ให้ลดงบประมาณลง 10% ทุกปี และเหตุการณ์ความไม่สงบลดลง 20% ทุกปี แต่ปรากฏว่า 3 ปีที่รัฐสภาพิจารณางบประมาณบูรณาการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรากฎงบประมาณลดลง 10% พอดี ทั้ง 3 ปีรวด โดยไม่ได้มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงว่าเป็นอย่างไร และจำนวนสถิติที่ฝ่ายบริหารชื่นชมว่าจำนวนเหตุการณ์ลดลง 10% นั้น เชื่อหรือไม่ว่า เหตุการณ์ลดลงจริง แต่ตัวชี้วัดอื่นที่ไม่ได้กำหนดในยุทธศาสตร์ไม่ได้ลดลงตามด้วย เช่น เหตุการณ์ปี 2564 จากตัวชี้วัดที่ยุทธศาสตร์ชาติกำหนดว่าต้องลดลง 20% ฝ่ายตรงกันข้ามที่เห็นต่างจากรัฐ ลดความรุนแรงลง เหตุการณ์จึงลดลง 20% เป็นการกำหนดตัวชี้วัดฝ่ายเดียวหรือด้านเดียว ในปี 2564 เกิดเหตุการณ์ปิดล้อมวิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ เสียชีวิต 20 คนซึ่งไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เลย
นายกมลศักดิ์ กล่าวต่อว่า “ทำไมเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 คือปฏิบัติการทางทหารที่เรียกว่ายุทธการฮูแตยือลอ ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ปิดล้อมพื้นที่ 2 สัปดาห์ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต และฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐก็เสียชีวิต 6 คน ในวันสุดท้ายของการปะทะ พบศพผู้เสียชีวิต ชาวบ้านนำศพไปประกอบพิธี ปรากฏว่ามีกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไปร่วมอาลัยในงานศพกว่าพันคน พวกเขายกย่องผู้ตายเป็นวีรบุรุษ ถามว่าการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ปรากฏลักษณะเช่นนี้ขึ้น ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์แห่งชาติหรือไม่”
“ดังนั้นหากยังมียุทธศาสตร์แห่งชาติมาตรา 65 อยู่ ฝ่ายบริหารรัฐบาลในอนาคตจะเหมือนผูกโซ่ตรวนไว้ คือต้องเดินตามยุทธศาสตร์แห่งชาติโดยไม่ได้มองตามความเป็นจริง และเชื่อว่าแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติไม่สามารถแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ สถานการณ์จะยังคงอยู่เช่นนี้ไปอีกนาน” นายกมลศักดิ์ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ กล่าว
