“พ.ท.หญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล” (ผู้พันปราง) อดีต ส.ส.ปชป. ลูกสาวของสุขวิช รังสิตพล โพสต์จดหมายเปิดผนึกร่ายยาว ขอ ปชช.ให้สั่งสอน กก.บห.พรรค ด้วยการให้บทเรียน 0 คะแนน ทุกเขตในกรุงเทพฯ พร้อมเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ หลังพรรคเลือกคนนอกมาแทน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2564 พันโท (พ.ท.) หญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล (ฐิติยา รังสิตพล) เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงประชาชนผู้รักพรรคประชาธิปัตย์ และ สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านเฟซบุ๊กเพจ “ฐิฏา มานิตกุล ผู้พันปราง”
พ.ท.หญิง ฐิฏา เริ่มเล่าถึงอดีตของบิดา นั่นคือ นายสุขวิช รังสิตพล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงเป็นอดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคความหวังใหม่ และพรรคไทยรักไทย นักการเมืองเจ้าของผลงานแผนแม่บททางด่วน รถไฟฟ้าใต้ดิน และการปฏิรูปการศึกษา 2538 เธอระบุว่า บิดาของเธอ “เคยถูกให้ร้ายไปก่อนแล้วขอโทษทีหลัง” โดยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว
พ.ท.หญิง ฐิฏา เล่าต่อว่า ศาลตัดสินแล้วว่าเป็นการนำความเท็จมาอภิปรายในสภา และนายสุขวิชชนะคดีหมิ่นประมาท แต่ด้วยการประสานงานของนายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และนายเชน เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธปัตย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้บิดาของเธอยอมถอนฟ้องคดีเรียกค่าเสียหาย หลังจากชนะคดีหมิ่นประมาท เพราะได้รับข้อมูลว่าอดีต ส.ส. ผู้นั้นจะล้มละลายหากต้องจ่ายค่าเสียหาย มีผลต้องหลุดจากตำแหน่งครอบครัวเขาจะเดือดร้อน ซึ่งก็ส่งผลให้ตัวเธอนั้นไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธปัตย์ ทั้งที่ พ.ท.หญิง ฐิฏา เองเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2545 และเป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
ข่าวน่าสนใจ:
“ปรางไม่เห็นด้วยกับการทำงานแบบไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม ใช้วาทกรรม พฤติกรรมที่ทำกับคุณพ่อของปราง อย่างเป็นรูปธรรม” พ.ท.หญิง ฐิฏา กล่าว
โดย พ.ท.หญิง ฐิฏา ประกาศตัวว่า ตนเองคือว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามอิสระ และยืนยันว่าตนเองเป็นนักการเมืองผู้ยึดมั่นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่เคยลงถนน ไม่เคยล้มล้าง ขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่เห็นด้วยเรื่องการใช้ความรุนแรงกับประชาชนในทุกกรณี ศาลต้องสถิตไว้ซึ่งความยุติธรรมเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ลงโทษผู้กระทำความผิดทุกกรณีอย่างเสมอภาค
พ.ท.หญิง ฐิฏา ระบุอีกว่า ตนขอเป็นกำลังใจให้อดีต ส.ส.ของพรรคทุกคน ต้องให้บทเรียนกรรมการบริหารพรรคชุดไม่ยึดมั่นอุดมการณ์ ไม่ยึดโยงประชาชน พฤติกรรมนี้จะได้จบที่รุ่นเรา เพื่อให้คนรักพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องถูกเยาะเย้ยถากถาง ไม่มีที่ยืนในสภากาแฟข้างบ้านในภาคใต้และอื่น ๆ พร้อมระบุว่าชาวประชาธิปัตย์สังกัดกรุงเทพมหานครต้องให้บทเรียนกรรมการบริหารพรรค ที่ไม่ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยเกิน 10 ปี
“ปรางขอสู้ศึกกับผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับคนรักพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนนอกของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ทุกคนต้องร่วมกันสั่งสอนกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดนี้ ด้วยบทเรียนสูญพันธุ์ทั่วทุกเขตของกรุงเทพมหานคร” พ.ท.หญิง ฐิฏา กล่าว
อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า เข้าใจหัวใจคนใต้ผู้ยึดมั่นอุดมการณ์และรักศักดิ์ศรี มีสามีเป็นลูกหลานชาวสุราษฎร์ธานี (บิดาของสามีเธอคือ นายเนตร มานิตกุล อดีตรองเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นชาวพุมเรียงโดยกำเนิด) แต่งงานกับคนเชื้อสายภาคใต้มา 16 ปี
พ.ท.หญิง ฐิฏา กล่าวต่อว่า “ทางเลือกเดียวที่เราจะรักษาพรรคการเมืองเก่าแก่และสถาบันทางการเมืองแห่งนี้ได้ ไม่ให้เหลือเพียงตำนาน ด้วยการให้บทเรียนพรรคประชาธิปัตย์ด้วย 0 คะแนน ทุกเขตทั่วกรุงเทพมหานครค่ะ เราทุกคนจึงจะรักษาพรรคการเมืองเก่าแก่ และสถาบันทางการเมืองของประเทศไทยแห่งนี้ไว้ไม่ให้เหลือเพียงตำนานได้นะคะ ก่อนที่เด็กรุ่นใหม่จะก้าวข้ามพรรคเราไปพรรคก้าวไกล หรือพรรคก้าวล่วงค่ะ”
“เมื่อแมลงสาบตาย พรรคประชาธิปัตย์ของเราจึงจะเกิดใหม่ได้อย่างสง่างามเหมือนดั่งนกฟินิกซ์ค่ะ นกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืนนิรันดร์ เพราะสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยตัวเอง เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัยตัวจะลุกเป็นไฟจากนั้นฟีนิกซ์ก็จะฟื้นจากกองขี้เถ้ามาเป็นนกตัวใหม่ค่ะ จะกลายร่างเป็นนกฟินิกซ์หรือจบที่รุ่นเราอย่างแมลงสาบอยู่ที่เราทุกคนจะเลือกนะคะ ด้วยความปรารถนาดี” พ.ท.หญิง ฐิฏา กล่าว
ภาพที่ใช้โปรโมตเปิดตัวในฐานะ “ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ”
แจงเหตุผลเพิ่มที่รณรงค์ให้ ปชป. สูญพันธุ์ ย้ำเรื่องทิ้งคนในไปหา “อาจารย์หิวแสง”
ต่อมาในวันที่ 19 ธันวาคม 2564 พ.ท.หญิง ฐิฏา ชี้แจงเพิ่มเติมในคอมเมนต์ใต้โพสต์เดิม ภายใต้หัวข้อ “ขอชี้แจงเหตุผลที่ข้าพเจ้าต้องการรณรงค์เรื่องสูญพันธุ์” โดยชี้ให้เห็น 2 เหตุผลสำคัญ ได้แก่
1. ผู้พันปรางมองว่า พรรคไปเลือกคนนอกที่ขโมยไอเดียบิดาของเธอ มาเป็นผู้ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.
พ.ท.หญิง ฐิฏา ระบุว่า เนื่องจากเมื่อพรรคเลือกคนนอก และทิ้งจดหมายแสดงเจตจำนงของสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ยังไม่มีใครสักคนเดียวในปัจจุบันอาสาแก้ไขปัญหาในคนกรุงเทพฯ ในฐานะผู้ว่า แต่ไปเลือก “อาจารย์หิวแสง” ที่พรรครู้จัก เพราะเธอแจ้งว่าเขานำผลงานของบุพการีของเธอไปหาแสงให้ตนเอง
“เมื่อเห็นอาจารย์หิวแสง นำระบบรถไฟฟ้ามหานคร(ใต้ดิน) หาแสง จึงทำจดหมายแสดงเจตจำนง ขอลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของพรรคประชาธิปัตย์ถึง หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และ ผู้อำนวยการพรรค กรรมการบริหารพรรค เลือกคนนอกแทน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนเดียวของพรรคที่ได้มาโดยไม่ต้องเสียแม้แต่ค่าสมัครรับเลือกตั้ง” พ.ท.หญิง ฐิฏา กล่าว
2. ผู้พันปรางมองว่าพรรคทอดทิ้งเธอ ซึ่งเป็นผู้เสนอไอเดียระงับความขัดแย้งระหว่าง ส.ส.เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ
พ.ท.หญิง ฐิฏา ระบุต่ออีกว่า พรรคทอดทิ้งอดีต ส.ส.ที่พรรคได้มาโดยไม่ต้องลงทุน และยังแก้ไขปัญหาความขัดแย่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 แบบของพรรค ด้วยวิธีละมุนละม่อม พร้อมทั้งหารายได้ให้พรรคในคราวเดียวกัน
พ.ท.หญิง ฐิฏา กล่าวว่า “ขอนับถือคนที่ตัดสินใจจะกาผู้สมัครลวงโลก และ พรรคการเมืองที่ไม่เคยสำนึกถึงความดีงามและผลงานในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการพรรค ผู้เสนอให้หักเงินสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบไม่แบ่งเขต เพื่อระงับความแตกแยกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 แบบของพรรค”
“ในเมื่อพรรคเลือกคนนอกแทนข้าพเจ้า พรรคจึงควรสูญพันธุ์ เพราะตราบใดที่พรรคมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบไม่แบ่งเขตจะมีรายได้จากมันสมองของข้าพเจ้า ตามหลักเหตุและผลไม่ใช่เรื่องส่วนตัวค่ะ” ผู้พันปราง กล่าวปิดท้าย
จากซ้ายไปขวา: นายสุขวิช รังสิตพล และ พ.ท.หญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล
ที่มา: เฟซบุ๊กเพจ “ฐิฏา มานิตกุล ผู้พันปราง” (1) (2)
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: