‘ไทยสร้างไทย’ แสดงจุดยืน คัดค้านนโยบายเก็บภาษีคริปโทเคอเรนซีไม่เป็นธรรม ชี้นโยบายดังกล่าวเป็นการทำลายโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัล
วันที่ 12 มกราคม 2564 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผอ.ศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังประชาชน และนายนรุตม์ชัย บุญนาค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางคอแหลม ยานนาวา ร่วมกันแถลงจุดยืนคัดค้านการจัดเก็บภาษีที่ได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) หรือ คริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) รวมไปถึง NFT และการสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางการลงทุนของสินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ “Digital Asset Hub” ของโลก
พรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า ภาษีคริปโต สะท้อนการไม่เข้าใจโอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศจากสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เป็น New Economy ของรัฐบาล เป็นการปิดกั้นโอกาสในการหารายได้ของคนรุ่นใหม่ การที่รัฐมีนโยบายจะเก็บภาษีจากรายได้ของผู้ทำกำไรจาก Digital Asset คงไม่มีใครว่า ถ้าเก็บอย่างเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้เสียภาษี ในทางตรงข้ามรัฐควรต้องส่งเสริมให้เกิดการใช้โอกาสในการสร้างรายได้จาก Digital Asset มากกว่า
ตามที่มีข่าวออกมาว่ารัฐจะเก็บภาษีคริปโต 2 ขั้นคือ
1. เก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายหรือ Withholding Tax 15% ซึ่งผู้ซื้อคริปโตต้องเป็นผู้ทำการหักและนำส่งจากกำไรของผู้ขาย เป็นราย Transaction ซึ่งปฏิบัติได้ยาก ไม่ Practical เพราะเวลาซื้อขายซึ่งมักเกิดจากการทำธุรกรรมผ่านระบบ Exchange และ DeFi ทำเราไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ซื้อหรือผู้ขายอีกฝั่งคือใคร การออกหนังสือรับรองแก่ผู้ขายจึงแทบเป็นไปไม่ได้ และนักลงทุนที่เป็น Day Trade ซื้อขายหลายรายการต่อวัน หากต้องคำนวนและหักภาษีนำส่งเป็นราย Transaction
แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลธรรมดาจะทำได้ถูกต้องทุก Transaction ตลอดปีภาษี เพราะไม่มีแผนกบัญชีเหมือนการทำในรูปแบบบริษัทมาคอยช่วยตรวจสอบแบ่งเบาภาระ หากในอนาคตเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แบบเดียวกันนี้ เชื่อว่านักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถปฏิบัติตามได้เช่นกัน
2. เก็บภาษีเงินได้ประจำปีตามอัตราก้าวหน้า (0-35%) ซึ่งก็คิดเฉพาะจาก Transaction ที่กำไรเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้ลงทุนรวมแล้วทั้งปีจะขาดทุน แต่หากมี Transaction ใดที่กำไร ก็ต้องเสียภาษีอีก ซึ่งอย่างนี้ผิดหลักการ Capital Gain Tax ที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกไม่ทำกันแบบนี้ เพราะการเก็บ Capital Gain Tax จะต้องรวมกำไร ขาดทุนทั้งปี หักลบกลบหนี้แล้วกำไรเท่าไหร่ค่อยเสียภาษี จึงจะเป็นธรรมกับประชาชน
ทั้งนี้การที่เสีย Witholding Tax 15% ไปแล้ว ก็ไม่มีสิทธิเลือกเลยว่าจะปล่อยให้หักไปเลยแล้วไม่ต้องยื่นประจำปี แต่กลับให้ต้องมาเสียเพิ่มหรือเคลมคืนเมื่อสิ้นปีเอง เป็นการสร้างภาระซ้ำซ้อนอีก
ซึ่งทันทีที่มีการประกาศการเก็บภาษีแบบนี้ ปริมาณการเทรดใน Exchange ไทยลดลงทันทีถึง 25-45% แสดงให้เห็นว่าหากรัฐดึงดันจะใช้แนวปฏิบัตินี้ต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะให้ Exchange ไทยเป็นผู้เก็บภาษีแทนอีกด้วย จะส่งผลให้นักลงทุนย้ายไปใช้ Platform ของต่างประเทศเพื่อที่จะไม่ต้องเสียภาษีแน่นอน ซึ่งจะเกิดความเสียหายกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่หลายธุรกิจลงทุนจนได้ใบอนุญาตไปแล้ว และสุดท้ายรัฐก็จะไม่สามารถเก็บได้แม้กระทั่ง VAT หรือภาษีเงินได้นิติบุคคลจากธุรกิจไทย
พรรคไทยสร้างไทยจึงขอคัดค้านการเก็บ Withholding Tax 15% ซึ่งสร้างภาระให้ประชาชน และถ้าจะเก็บจาก Capital Gain Tax ควรเก็บหลังจากหักลบกำไรขาดทุนในแต่ละปีตามหลักสากล
พรรคไทยสร้างไทย เห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของโลกยุคใหม่ เราจึงมีนโยบายที่จะสร้างประเทศไทย ให้เป็น “ศูนย์กลางการลงทุนของสินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ “Digital Asset Hub” ของโลก เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ให้มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้เข้ามามากมาย และยังเป็นการพัฒนาบุคคลากรของไทยเราให้เก่งยิ่งขึ้น
โดยการทำให้ไทยเป็น Digital Asset Hub ไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลเกินฝัน เพียงรัฐเข้าใจ มีวิสัยทัศน์ สนับสนุนส่งเสริม ปลดล็อคกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นความสามารถของคนรุ่นใหม่ แทนการมองเป็นทาสที่ต้องออกกฎควบคุมบังคับและจ้องรีดภาษีเท่านั้น
จากนั้น พรรคไทยสร้างไทย ระบุต่อว่า ทางพรรคฯ เห็นว่า การไม่เก็บภาษีคริปโตสำหรับการเทรดบน Exchange ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยเหมือนการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (หรือในอนาคตควรเพิ่มการลดหย่อนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นระยะเวลา 10 ปีเหมือนการซื้อ SSF เป็นบันไดขั้นต่อไป) เป็นการส่งเสริมให้ไทยเป็น Digital Asset Hub จะสร้างรายได้ให้รัฐมากมายกว่าการออกนโยบายเก็บภาษีคริปโต ที่ทำให้คนส่วนใหญ่จะหันไปเทรด Exchange ต่างประเทศ ในที่สุดประเทศไทยก็จะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ และไทยจะเป็นประเทศที่ตกยุค ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
โดยพรรคไทยสร้างไทย มีเป้าหมายสนับสนุนให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสทำมาหากินให้ได้ง่ายที่สุดให้ทุกคนร่ำรวยอย่างยั่งยืน รัฐจึงจะเก็บภาษีได้ ไม่ต้องกู้มาใช้อย่างทุกวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่านโยบายเศรษฐกิจและการคลังดำเนินการมาอย่างผิดพลาดแบบนี้ตลอด 7 ปี ดังนั้นในทุกนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย เราจึงมุ่งเน้นการปลดปล่อย (Liberate) ประชาชนจากรัฐราชการรวมศูนย์ กฎหมาย ระเบียบที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นการทำมาหากินของประชาชน การสร้างพลัง (Empower) ให้ประชาชนมีช่องทางและเครื่องมือสร้างรายได้ในโลกยุคใหม่ให้มากที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: