ค่ายทหารไม่อนุญาตให้ “พรรคก้าวไกล” เข้าไปหาเสียงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร จนท.ให้เหตุผลยังไม่มีพรรคอื่นขอมา ส่วน ‘พิธา’ เผย เตรียมจัดปราศรัยใหญ่ วันที่ 22 มกราคม 2565 นี้ ที่ เสนานิคม 2
วันนี้ (18 มกราคม 2565) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และ ส.ก.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล เดินทางไปพบปะประชาชนที่ ตลาดปากซอยวิภาวดี 64 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เพื่อขอเสียงสนับสนุน เพชร – กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หมายเลข 6 พรรคก้าวไกล เข้าสภา ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 9 หลักสี่-จตุจักร (ยกเว้นแขวงจตุจักรและแขวงจอมพล) ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2565
นายพิธา กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ในสัปดาห์นี้สภาเปิดเสียที เพราะทางพรรคก้าวไกลได้เตรียมเสนอญัตติสภาด่วน เกี่ยวกับสินค้าราคาแพง ซึ่งนอกจากมาช่วยผู้สมัครหาเสียงแล้ว จึงเป็นการมาเก็บข้อมูลด้วย ว่าจะมีเรื่องใดนำเสนอต่อรัฐบาลผ่านกลไกรัฐสภา และพรรคก้าวไกลยังเตรียมนำปัญหาไปหารือในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อยื่นเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 คาดว่าจะยื่นได้ช่วงสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคก้าวไกลในวันที่ 23 มกราคม 2565 ว่า บุคคลดังกล่าวสามารถสู้กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้อย่างแน่นอน
ข่าวน่าสนใจ:
“การแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงของรัฐบาลล่าช้ามาก และที่ผ่านมายังแทบไม่มีสัญญาณอะไรที่บอกว่าเงินเฟ้อจะทำให้สินค้าแพงขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากงบประมาณที่ควรเปลี่ยนงบประมาณกองทัพให้เป็นงบประมาณเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ประเทศไทยถึงจะรอด สังเกตว่า การลงพื้นที่หาเสียงของรัฐมนตรีในช่วงที่เกิดปัญหาของแพง น่าเสียดายว่า แทนที่รัฐบาลจะใช้ช่วงเวลานั้นพูดถึงนโยบายเพื่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ กลับใช้เวลาไปในการโจมตีกันเองและอยากฝากไปยังรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์-กระทรวงพาณิชย์ ว่าอย่าละเลยประชาชนในช่วงที่กำลังลำบาก การลงเลือกตั้งเป็นการขอความไว้วางใจและตอบสนองความต้องการของประชาชน คงไม่ใช่ช่วงที่ต้องการจะได้ผู้แทนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน” นายพิธา กล่าว
“สำหรับการเลือกตั้งซ่อมขณะนี้ คงต้องบอกว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย เราจะต้องทำงานหนักขึ้น ละเอียดขึ้น และจะมีการจัดปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกล ในวันเสาร์ที่ 22 ม.ค. นี้ ที่ลานเสนานิคม 2 พวกเราจะขอเข้าไปอยู่ในใจของประชาชนมากที่สุดในระยะเวลาที่เหลืออยู่” นายพิธา กล่าว
ขณะที่ นายกรุณพล เผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ยื่นหนังสือขออนุญาตกองทัพบก เข้าไปหาเสียง ว่า ได้รับการตอบกลับมาว่า มีพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวที่ขอเข้าไปหาเสียง ยังไม่มีพรรคอื่นขอเข้ามา เพราะฉะนั้นจึงยังไม่อนุญาต และระบุว่าเป็นการได้เปรียบพรรคอื่น ซึ่งตนมองว่า การเปิดพื้นที่สาธารณะนั้น พรรคใดจะเข้าไปหาเสียงเป็นสิทธิทางประชาธิปไตย ไม่ใช่ความได้เปรียบเสียเปรียบ หากพรรคใดมองว่าเสียเปรียบก็ยื่นขอเข้าไปได้เหมือนกัน ไม่ใช่การรอให้พร้อมกันเพราะกองทัพไม่ได้มีหน้าที่จัดวงดีเบต แต่ถ้าจะจัดให้เราก็พร้อม
“ถ้ารอให้ทุกพรรคขอเข้าไปหาเสียงจนถึงวันเลือกตั้ง ก็คงไม่ได้เข้าไป พรรคก้าวไกล มีนโยบายปฏิรูปกองทัพที่ชัดเจน คงไม่ต้องรอพรรคอื่นพร้อม กองทัพเองก็ไม่ควรตัดโอกาสในการให้บุคลากรของท่านได้ฟังนโยบายของเรา เราต้องการกองทัพทันสมัย มีทหารอาชีพ เราเสนอเพิ่มสวัสดิการทหาร ลดจำนวนนายพลลง และยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร กองทัพควรมีหน้าที่สนับสนุนประชาธิปไตยตามบัญชานายกฯ ไม่ใช่ปิดประตูประชาธิปไตยด้วยข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นแบบนี้” นายกรุณพล กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: