อุดรธานี – พรรคเพื่อไทยจัดงานเปิดตัวโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ประชาชนแห่สมัครสมาชิกพรรค ประกาศเปิดตัว ‘แพทองธาร’ เป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ยืนยันต้องการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนให้มากที่สุดผ่านโครงการนี้ ขณะที่แกนนำพรรคฯ พาย้อนภาพจำ “ไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย”
วันนี้ (20 มีนาคม 2565) พรรคเพื่อไทย จัดงาน ‘ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม’ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ มลฑาทิพย์ ฮอลล์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีผู้บริหาร ส.ส. จากหลากหลายจังหวัด รวมทั้งสมาชิกพรรค เข้าร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรค นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม รวมทั้ง ส.ส.จังหวัดอุดรธานีพรรคเพื่อไทย ครบทั้ง 8 เขต ได้แก่ นางเทียบจุฑา ขาวขำ นางอาภรณ์ สาราคำ นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม นายขจิต ไชยนิคม นายจักดิ์พรรดิ ไชยสาส์น นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ นายอนันต์ ศรีพันธุ์ นายศราวุธ เพชรพนมพร และยังมี ส.ส.ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่ใกล้เคียง เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก
ข่าวน่าสนใจ:
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงก่อนการก่อตั้งพรรคไทย มีกลุ่มนกแล กลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งชื่อตามวงดนตรีเยาวชนที่ชื่อนกแล เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 2542 มีความมุ่งหวังที่จะกอบกู้วิกฤตชาติ ภายใต้แนวคิด “4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” ด้วยนโยบายที่ได้ใจคนไทยทั้งประเทศ ทำให้ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายด้วยที่นั่ง ส.ส. 248 คน ในวันที่ 6 มกราคม 2544 ได้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นโยบายเน้นในเรื่องของการกระตุ้นการลงทุน ด้วยแนวคิด “4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” โดยในช่วงแรก พรรคไทยรักไทยมุ้งหวัง “4 ปี ซ่อม” ต้องการซ่อมความลำบากในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ด้วยการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ พักหนี้เกษตรกร 3 ปี มีนโยบายกองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค มีการสร้างธุรกิจเอสเอ็มอี โครงการทอป และอีกหลายโครงการ
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ในช่วงหลังคือ “4 ปีสร้าง” การเลือกตั้งสมัย 2 ชนะถล่มทลาย ตั้งรัฐบาลด้วยพรรคเดียวได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพรรคการเมือง ด้วยการ ปฏิรูปประเทศ ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปงบประมาณ ลงทุนด้านการศึกษา ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีเมกะโปรเจก ก้าวสู่การเป็นผู้นำเอเชีย เสือตัวที่ 5 ของเอเชีย เป็นรัฐบาลที่สามารถจัดทำงบประมาณสมดุล 2 ปีซ้อน โดยที่ไม่ต้องกู้เงิน แต่ในขณะที่ประเทศกำลังฉายแสง เริ่มเกิดขบวนการถอดปลั๊กประเทศ เกิดการอิจฉา มีการต่อต้านพรรคไทยรักไทย เกิดกระบวนการกลั่นแกล้งทางการเมืองโดยพรรคการเมือง ในขณะที่ฟ้าสีทองกำลังผ่องอำไพ เกิดการรัฐประหารในปี 2549 อีกไม่กี่เดือนต่อมาจึงมีการยุบพรรคไทยรักไทย นักการเมืองที่มีความสามารถของพรรคไทยรักไทยสังหารโหดนักการเมือง 111 คน แต่ครอบครัวเราไม่ตาย สร้างบ้านหลังใหม่ ที่ชื่อพรรคพลังประชาชน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงพรรคไทยรักไทย ซึ่งในขณะนั้นมีคนรุ่นใหม่ไฟแรงจำนวนมาก ได้ย้อนภาพ‘การเมืองยุครองเท้า-ปลาทู’ ในช่วงนั้น แต่ทุกอย่างเป็นจริงได้ ด้วยแนวคิดแนวนโยบายที่ตอบสนองความเดือดร้อนและตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชน พรรคได้รับความนิยมในวงกว้าง ครอบครัวของพรรคไทยรักไทยใหญ่ขึ้น แต่สุดท้ายรัฐบาลของไทยรักไทยถูกรัฐประหารในปี 2549 เป็นครั้งแรกที่ ‘ครอบครัวของเรา แตกกระสานซ่านเซ็น’ ส่งผลให้ดรีมทีมของไทยรักไทย ซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่จากหลากหลายวงการ จำนวน 111 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เศรษฐกิจในประเทศหยุดชะงัก เกิดสุญญากาศทางการเมือง ในช่วงเดียวกันกับวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์และวิกฤตพลังงาน ประเทศจึงเสมือนถูกแช่แข็งทันที คณะรัฐประหารได้ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้ามาบริหารประเทศ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สมาชิกของพรรคไทยรักไทยที่ยังเหลืออยู่จำนวนนึง เดินหน้าทำกิจกรรมรณรงค์ ‘ไม่รับ’และ ‘โหวตโน’ ร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ซึ่งมีที่มาจากคณะรัฐประหาร อำนาจของรัฐบาลเผด็จการ ในตอนนั้นประชาชนในภาคอีสานโหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มากที่สุด เป็นความภาคภูมิใจของเราที่ยืนหยัดบนหลักการที่ถูกต้องที่ยืนเคียงข้างประชาธิปไตย
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า แม้สุดท้ายรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ครอบครัวของไทยรักไทยมีความเห็นร่วมกันว่า ต้องเดินหน้าต่อ จึงได้ก่อตั้งพรรค ‘พลังประชาชน’ โดยมีดรีมทีมจากพรรคไทยรักไทยที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์เข้ามาร่วมสานงานการเมืองเพื่อประชาชน พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง โดยสโลแกนบนป้ายหาเสียงคือ “นโยบายดี ๆ ใครก็พูดได้ แต่คนที่ทำได้อยู่ที่พรรคพลังประชาชน” ในที่สุด พลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ได้ ส.ส. จำนวน 233 ที่นั่ง ได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 ที่ชนะเลือกตั้งติดต่อกัน หลากหลายนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงล้วนแล้วแต่มีความตั้งใจเพื่อสานต่อนโยบายของไทยรักไทย เช่น การต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน รถไฟฟ้า 9 เส้นทาง ค่าโดยสารต้องไม่เกิน 15 บาท ตลอดสาย และโครงการจำนำข้าว ที่ทำให้ชาวนาอยู่ดีกินดีที่สุด ราคาข้าวสูงเป็นประวัติการณ์ จากเดิมอยู่ที่ต้นละ 7,100 บาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 97.18% หรือแม้แต่วิกฤติน้ำมันแพง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นทุกยุค แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ ‘แก้เป็นหรือไม่’
ทั้งนี้ แม้จะมีวิกฤตเศรษฐกิจโลกและเงินเฟ้อ แต่พรรคพลังประชาชนพร้อมที่จะแก้ไขวิกฤตให้กับประชาชน ได้ประกาศนโยบาย “6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน” เพื่อลดรายจ่ายแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน แต่ในที่สุด พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค ทำให้พี่น้องประชาชนที่ชื่นชอบนโยบายของพรรค รวมกลุ่มกันจนก่อเกิดเป็นพี่น้องคนเสื้อแดง เป็นครอบครัวของเรา ออกมาปกป้องและคนที่เขารัก สุดท้ายถูกปราบปรามการชุมนุมอย่างอำมหิต มีผู้เสียชีวิตกลางเมือง เพียงแค่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย และต้องการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
“พวกเขามาเรียกร้องขอหีบเลือกตั้ง แต่สุดท้ายได้โลงศพกลับไป และพวกเรากลายเป็นจำเลยสังคม ไม่มีวันไหนที่ผมจะลืม ในวันที่ไทยรักไทยถูกยุบ เราตั้งพรรคใหม่ เป็นพลังประชาชน และเมื่อถูกยุบ เราก็ตั้งพรรคใหม่เป็นพรรคเพื่อไทย บ้านหลังนี้ของพวกเรา ที่ล้มลุกคลุกคลานมากที่สุด นี่คือพรรคเพื่อไทยของพวกเรา” นายประเสริฐ กล่าว
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ได้ ส.ส. เข้าไปนั่งในสภา 265 คน เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้ประเทศไทยได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ชื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือเป็นความหวังครั้งใหม่ของประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยหลากหลายนโยบายที่ได้ประกาศไส้ เช่น ปรับเพิ่มเงินขั้นต่ำนักศึกษาปริญญาตรี 15,000 บาท กองทุนหมู่บ้าน กองทุน SML กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ช่วยสร้างสรรค์ความแข็งแกร่ง ผ่านการรวมกลุ่ม ถ่วงดุลตรวจสอบกันเอง เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ประชาชนมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในภาษีประชาชน รวมทั้งนโยบายจำนำข้าวและพักหนี้เกษตรกร
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า แม้จะเจอกับวิกฤต แต่พรรคเพื่อไทยพร้อมหาแนวทางป้องกันปัญหาและเตรียมพร้อมสู่อนาคต เช่น ในช่วงปี 2554 เกิดวิกฤตน้ำท่วม พรรคเพื่อไทยได้จัดทำแผนโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะสามารถป้องกันปัญหาน้ำมากและน้ำแล้ง ได้ในโครงการเดียว อีกทั้งได้มีโครงการ One Tablet Per Child (OTPC) ที่จะช่วยยกระดับและลดความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา รวมทั้งโครงการสร้างอนาคตไทย 2020 ระบบขนส่งมวลชนที่จะเข้ามายกระดับการคมนาคม การขนส่งและการค้า เป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกในภูมิภาคอาเซียน ขยายโอกาสให้กับประเทศไทยผ่านการเชื่อมต่อกับนานาประเทศได้
หลายโครงการที่พรรคเพื่อไทยได้วางแผนเอาไว้และเตรียมดำเนินการ พังทลายลงจากน้ำมือของคณะรัฐประหาร หรือ คสช. ในปี 2557 ทำให้ประเทศไทย เจ็บช้ำ จนตรอก เด็ก เยาวชน ประชาชน ตกอยู่ในสภาพที่ไร้ความฝัน ไร้ความหวัง สูญเสียโอกาส อีกครั้ง แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยและครอบครัวเพื่อไทย จะมีความหวังต่อ และจะยืนหยัดสู้เพื่อพี่น้องชาวไทยและประชาธิปไตยที่หายไป
“23 ปีที่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทยอยู่เคียงข้างประชาชน เป็นบ้านหลังใหญ่ ที่พร้อมดูแลทุกคน แม้จะมีความพยายามรื้อถอนบ้านของเราสักกี่ครั้ง มีโจรขึ้นบ้านเราอีกกี่ครั้ง แต่เราจะยังจับมือกันไว้ ไม่ให้โจรในคราบเครื่องแบบขึ้นบ้านเรา ตอนนี้ครอบครัวของเราขยายใหญ่ขึ้น เพื่อไทยจะกลับมาสานต่อนโยบายที่ค้างเอาไว้ให้สำเร็จ จะคืนความหวัง คืนชีวิตใหม่ให้ทุกคนอีกครั้ง” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประกาศในที่ประชุมว่า “นางสาวแพทองธาร ชินวัตร” เป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ที่มั่นใจว่าจะสามารถหลอมรวมประชาชน ที่มีหัวใจเดิม เข้ามาร่วมสืบสานเจตนารมณ์ สายเลือดพันธุกรรมของเพื่อไทย สานต่อ แก้ปัญหา เข้มแข็ง มีจิตใจเอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจพี่น้องประชาชน สร้างโอกาสของพี่น้องประชาชนภายในครอบครัวเพื่อไทย
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ขอต้อนรับทุกคนที่เข้ามาแสวงหาความหวัง ความฝัน อนาคตของลูกหลานในบ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม หัวใจเดิมของไทยรักไทย พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ครอบครัวเพื่อไทย หัวใจเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้ที่นั่ง ส.ส. 137 คน แต่ด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวเพื่อไทยคือนวัตกรรมใหม่ของการเมืองภาคประชาชนที่พรรคตั้งใจรังสรรค์ขึ้นมาแก้ปัญหาการปิดกั้นโอกาสการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพี่น้องประชาชน เพื่อสร้างดุลภาพของพลเมือง มาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแลนสไลด์ทั้งแผ่นดิน ขอให้พี่น้องประชาชน พลังของครอบครัวเพื่อไทยเข้ามาร่วมสร้างโอกาส สร้างอนาคตให้ประเทศชาติบ้านเมือง สร้างภราดรภาพให้ครอบครัวเพื่อไทย มั่นใจภายใน 2 เดือนนี้ครอบครัวเพื่อไทยจะมีสมาชิกในครอบครัว 8 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทะลุ 10 ล้านคน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดาก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในขณะนั้นตนอายุ 12 ปี จนรัฐบาลที่นำโดย ดร.ทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกคณะรัฐประหารยึดอำนาจ ตนเป็นเพียงผู้เฝ้ามอง ไม่ได้มีส่วนร่วมในทางการเมือง ได้รับรู้ว่าเส้นทางของพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นผู้ได้รับผลกระทบด้วย แต่ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยเติบโต เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย แม้หลายคนจะไม่ได้อยู่ในแวดวงการเมืองและย้ายบ้านไปบ้าง แต่ยังมีหลายคนที่ยังอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ อยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวเพื่อไทย
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย มีต้นทุนที่สำคัญที่สุด คือ ประสบการณ์การเป็นรัฐบาลมาหลายยุค เป็นจุดเด่นที่พรรคเพื่อไทยมีมากกว่าพรรคอื่น เป็นพรรคการเมืองที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยพรรคเดียวหลายสมัย พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมามีประสบการณ์ทั้งดีและร้าย พรรคเพื่อไทยพร้อมนำมาเป็นบทเรียนเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตที่ดีกว่า ประสบการณ์ของรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ทำให้ตนได้เรียนรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงในเพื่อปรับตัวให้ทันกับความต้องการของพี่น้องประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องเป็นพรรคเพื่อไทยในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าโดยที่จะไม่มีทางลืมประชาชนที่สนับสนุน ต้องอยู่อย่างแข็งแกร่งและอยู่รอด เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นความหวังของประชาชนอีกครั้ง ภายใต้เป้าหมาย 2 ประการ ได้แก่
1. สร้างการมีส่วนร่วมให้คนหลายรุ่นได้มาทำงานร่วมกัน เพื่อหาตรงกลาง ตอบสนองความต้องการของคนทุกรุ่นให้ได้มากที่สุด เช่น การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า ถือเป็นตัวอย่างของความสำเร็จจากการร่วมมือของคนหลายรุ่นที่มีความถนัดแตกต่างกัน มีบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการเป็นรัฐบาลจริง และมีบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีมุมมองความสนใจที่หลากหลาย เป็นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของเรา และพัฒนาจุดอ่อน โดยที่ยังคง DNA เรื่องเศรษฐกิจ และปากท้องไว้ เพิ่มมิติทางด้านอัตลักษณ์ให้กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ด้วยการลดรายจ่ายประชาชนและสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ ทั้งสองอย่างสามารถทำควบคู่กันได้ภายใต้นโยบายเดียว เพื่อตอบสนองคนทุก ๆ อายุ ยืนยันได้ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริงและยังมีอีกหลายโครงการตามที่ได้สื่อสารออกไป และยังมีอีกหลายนโยบายที่กำลังศึกษาภายใต้โมเดลการทำงานของคนหลายรุ่น ที่รอเพียงแค่เวลาอันเหมาะสมในการเปิดเผย
2. เราต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ระบอบเผด็จการต้องหมดไป โดยการเตรียมความพร้อมเอาไว้ หากไม่สามารถสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ นโยบายจะดีแค่ไหน จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อำนาจรัฐเท่านั้นที่จะเป็นทางออกในเวลานี้ และเป็นจุดที่พรรคเพื่อไทยต้องไปให้ถึง ยืนยันว่านโยบายของพรรคเพื่อไทย จะเติมเงินในกระเป๋าให้พี่น้องประชาชนได้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อีกครั้ง
นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดผ่านโครงการครอบครัวเพื่อไทย เหมือนกับที่ในสมัยไทยรักไทย มีสมาชิกพรรคกว่า 14 ล้านรายชื่อ ไม่มีใครทำลายสถิตินั้น แต่เมื่อถูกยุบพรรค สมาชิกทั้งหมดถูกยกเลิกไป และเมื่อมีการรัฐประหารในปี 2557 มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำให้การมีส่วนร่วมระหว่างพรรคการเมืองและพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องยาก ดังนั้น กิจกรรม ‘ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม’ จึงเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนอย่างไม่ผูกมัด ไม่มีเงื่อนไขทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง สมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อไปสู่เป้าหมายการเลือกตั้ง แลนสไลด์ทั้งแผ่นดิน เราพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อถึงเวลา และ 14 ล้านเสียงในช่วงพรรคไทยรักไทย จะเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้ พี่น้องประชาชนที่สนใจเข้าร่วมครอบครัวเดียวกันกับเรา ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม สามารถสมัครได้โดยแอดไลน์ @pheuthaiparty
“บ้านหลังใหญ่หลังนี้จะขอต้อนรับทุกท่านด้วยหัวใจดวงเดิม ไม่ว่าท่านจะอยู่กับเรามานานแล้ว หรือเพิ่งเข้ามาอยู่ก็ตาม เราจะอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว จะสู้ด้วยกันอย่างเข้มแข็ง เราจะไม่ทิ้งกันค่ะ” นางสาวแพทองธาร กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: