เหงื่อตก “สุรชาติ-เพื่อไทย” ลุ้น กกต. จะรับรองผลเลือกตั้งไหม หลัง “เรืองไกร” ร้อง กกต. ปมบวชพระ ทำหลุดสมาชิกพรรค พท. หรือไม่ ??
อีกไม่กี่วันแล้วจะครบ 2 เดือน หรือ 60 วัน ที่มีกฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.
กล่าวสำหรับการเลือกตั้งซ่อม เขตหลักสี่-จตุจักร ที่สุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส. เพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อม แทนสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส. พลังประชารัฐ ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยคำสั่งศาล
แต่เวลาล่วงเลยมาร่วมสองเดือน ยังไม่เห็นท่าทีการขยับของ กกต.ว่าจะรับรองผลหรือไม่อย่างไร เข้าใจว่ายังติดเรื่องร้องเรียนอยู่ 2 เรื่อง
แถมมีข่าวเล็ดลอดออกมาจาก กกต.ว่า สัปดาห์หน้าทางสำนักงาน กกต.เตรียมเสนอเรื่องให้ที่ประชุมใหญ่ กกต.พิจารณาว่าจะประกาศรับรองให้ สุรชาติ เทียนทอง ผู้ได้รับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็น ส.ส. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 9 แทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ เนื่องจากในวันที่ 30 มีนาคม นี้ จะครบกำหนดระยะเวลา 60 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว จะรับรองหรือไม่รับรองด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องลุ้นกันในสัปดาห์หน้า
อย่างที่บอกกล่าวไว้ว่า มีประเด็นคำร้องของสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นขอให้ตรวจสอบกรณีขึ้นป้ายหาเสียงว่า “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ลดรายจ่ายประชาชน” เข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่
เพราะมาตรา 73(5) ระบุว่า หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองหรือไม่ นี้เป็นคำร้องแรกที่อยู่ในมือของ กกต.
ยังมีกรณีที่เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นเรื่อง ต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบว่าสุรชาติเป็นสมาชิกพรรค พท. อยู่หรือไม่ด้วย
เรืองไกรยื่นร้องว่าจากการตรวจสอบเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 พบว่า สุรชาติเป็นสมาชิกของพรรค พท.ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2552 แต่จากการตรวจสอบในกูเกิลพบข่าวเว็บไซต์มติชน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 หัวข้อ “สุรชาติ เทียนทอง” เข้าพิธีอุปสมบทมุ่งสู่ทางธรรม ป๋าเหนาะ – ส.ส.- แม่ยก ร่วมงานบุญอย่างคึกคัก จึงมีมูลเหตุให้ตรวจสอบว่า การบวชเพื่อศึกษาธรรมะนั้นจะทำให้สุรชาติขาดจากความเป็นสมาชิกพรรค พท.ตามข้อบังคับพรรค พท. ข้อ 16(3) ประกอบข้อ 12(4) หรือไม่
ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 16(3) ระบุว่า สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง เมื่อขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 11 หรือข้อ 12 กรณี เว้นแต่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 12(4) และเป็นการบวชตามประเพณีนิยม แต่ในระหว่างมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวจะใช้สิทธิในฐานะสมาชิกมิได้ และข้อ 12(4) ระบุว่า บุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้ เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นสมาชิก
ดังนั้น หาก กกต. ตรวจสอบว่าสุรชาติบวชเพื่อศึกษาธรรมะ จะเป็นเหตุให้สมาชิกภาพการเป็นสมาชิกพรรค พท.ของสุรชาติสิ้นสุดลงหรือไม่ และการที่พรรค พท. ส่งสุรชาติลงสมัคร ส.ส. เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2565 จะเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วยหรือไม่
ลุ้นกันสองประเด็นครับ 1 กกต.จะรับรองสุรชาติให้เป็น ส.ส.ตามผลเลือกตั้งหรือไม่ 2.ถ้าไม่รับรองด้วยเหตุผลสุรชาติเป็นพระภิกษุ นักบวช ต้องพ้นจากสมาชิกพรรค พท.ด้วย จึงไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ การเซ็นรับรองให้สุรชาติลงสมัครรับเลือกตั้งของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะส่งผลอะไรต่อพรรคหรือไม่
อย่าลืมว่า สิระโดนสอย เพราะ รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ยังรับรองเอกสารให้ตัวเองว่ามีคุณสมบัติครบ
เรื่องคุณสมบัติก็จะถูกตีย้อนกลับเข้าหาสุรชาติ-เพื่อไทย ด้วยเช่นกัน
