‘จุรินทร์’ ยืนยัน ‘สุชัชวีร์’ ได้ไปต่อในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเจ้าตัวตอบรับยินดีช่วยงานพรรคฯ แล้ว แต่ขอให้ไปพักก่อน แล้วค่อยมาคุยในรายละเอียด พร้อมชี้ ผลเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯ กทม. – ส.ก.” สะท้อนว่าคนกรุงเทพฯ ยังไม่ได้ทิ้ง ปชป. ต่างจากเลือกตั้ง 62 ที่ไม่ได้ ส.ส. กทม. เลย
วันนี้ (24 พฤษภาคม 2565) เวลา 09.10 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความเห็นของ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ต่อผลการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร โดยกล่าวว่า ท่านชวนไม่ได้บอกว่าเป็นความผิดพลาด เพียงแต่ท่านต้องการให้ได้คะแนนมากกว่านี้ ซึ่งก็เป็นความปรารถนาดี เพราะท่านก็รักพรรค และหวังว่าจะให้พรรคได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงแต่ผลการเลือกตั้ง กทม. เที่ยวนี้ เราก็ต้องถือว่า เราก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะอย่างน้อยที่สุดคำปรามาสหลังการเลือกตั้งใหญ่คราวที่แล้ว ที่บอกว่าประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ มันไม่เป็นอย่างนั้น คนกรุงเทพให้คำตอบว่า คนกรุงเทพก็ยังให้โอกาสกับพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อยผู้ว่าฯ กทม. ประชาธิปัตย์ก็มาที่สอง และ ส.ก. ก็ได้มาถึง 9 คน จากการเลือกตั้งทั่วไปนั้น เราไม่ได้ ส.ส. เลยแม้แต่คนเดียว เพราะฉะนั้นอันนี้ก็สะท้อนชัดเจนว่า คนกรุงเทพมหานครยังไม่ได้ทิ้งประชาธิปัตย์ และยังให้โอกาสประชาธิปัตย์
“ถ้าย้อนไปดูการเลือกตั้งทั่วไปในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ก็สะท้อนเหมือนกันว่าในหลายภาคที่มีการเลือกตั้งซ่อม ประชาชนก็ให้โอกาสประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งซ่อมที่ ชุมพร สงขลา ประชาธิปัตย์ก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาวภาคใต้ และผมก็ยังมั่นใจว่าภาคใต้ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ประชาธิปัตย์จะคัมแบค ล่าสุดการเลือกตั้งซ่อมที่ราชบุรี ประชาธิปัตย์ก็ได้รับชัยชนะ เพราะฉะนั้นก็ถือว่าทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปด้วยดี และเป็นหน้าที่ประชาธิปัตย์ในการคัดเลือกผู้สมัครที่ดีที่สุด ให้เป็นทางเลือกกับพี่น้องประชาชน” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ ได้กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้พรรคก็ต้องนำเสนอนโยบายที่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรม ให้ควบคู่ไปกับผลงานรูปธรรมที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาพืชผลการเกษตรที่ทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนโยบายประกันรายได้เกษตรกร รวมไปถึงการนำเงินเข้าประเทศด้วยการทำตัวเลขส่งออกเป็นบวกมหาศาลในประวัติศาสตร์ ดังนั้นจึงกล้าพูดได้ว่า ประชาธิปัตย์ได้รับเสียงตอบรับที่ดีขึ้นเป็นลำดับจากพี่น้องประชาชนจากทุกภาคทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงอนาคตทางการเมืองของ นายสุชัชวีร์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคฯ ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ทางหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้กล่าวว่า ได้คุยกันแล้ว เพียงแต่เป็นการคุยเบื้องต้น ซึ่งได้รับการตอบรับว่า ท่านยินดีจะมาช่วยงานพรรคฯ ส่วนรายละเอียดจะมาช่วยด้านไหนอย่างไร คงจะได้คุยกันอีกครั้ง เพราะเลือกตั้งเสร็จ ท่านยังไม่ได้พักเลย ตนต้องให้เวลาท่านนิดนึง แต่หลักใหญ่ก็คือก็คงต้องมาช่วยงานในพรรคฯ ต่อไป เพราะท่านเป็นสมาชิกพรรคอยู่แล้ว ส่วนมาช่วยในฐานะอะไรนั้นจะขอหารือกันก่อน เราถือว่า ดร.สุชัชวีร์ เป็นบุคลากรที่มีศักยภาพคนหนึ่งของพรรคฯ และจะช่วยพรรคฯ ได้เยอะในการทำงานต่อไป
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า คะแนนในภาพรวมของ กทม. ของประชาธิปัตย์ ดูเหมือนจะน้อยลงกว่าการเลือกตั้งใหญ่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ใช่การเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งมีหลายคนสอบถามมาเหมือนกันว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เที่ยวนี้จะสะท้อนการเลือกตั้งทั่วไปหรือไม่ และตนก็คิดว่ามันอาจสะท้อนได้ แต่จะสะท้อนทางไหน สะท้อนทางที่ตรงกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ตรง เพราะหลายครั้งมันก็สะท้อน แต่สะท้อนตรงกันข้ามก็มี เพราะต้องยอมรับความจริงว่า มันขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีที่เราต้องไปดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่สำหรับการเตรียมการเลือกตั้งใหญ่นั้น ประชาธิปัตย์ได้เตรียมการมาเป็นลำดับ โดยเที่ยวหน้า กทม. จะมี ส.ส. 33 เขต และมีผู้สมัครเกือบครบแล้ว แต่อาจยังไม่ได้รับความสนใจเพราะกำลังมีการเลือกตั้ง กทม. เข้ามาแทรกก่อน ถัดจากนี้พรรคจะได้เดินหน้ารณรงค์หาเสียงเพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง รวมถึงจะนำ “จุรินทร์ ออนทัวร์” เดินหน้าลงพื้นที่ กทม. ต่อ เพราะที่ผ่านมาตนลงพื้นที่ไม่ได้ แม้จะส่งผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรค แต่หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ลงไปช่วยหาเสียงไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นอีกพรรค จากเดิมที่มีแต่พรรคเพื่อไทยนั้น ทางนายจุรินทร์ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งในสถานการณ์ที่ต่าง ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องของ 2 ขั้วที่ต่างเทคะแนนให้ขั้วใดขั้วหนึ่ง เพราะฉะนั้นคะแนนจะไปกองรวมกัน แต่เที่ยวนี้ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น มีหลายพรรค หลายกลุ่ม หลายผู้สมัครอิสระที่ลงมาแข่งขัน เพราะฉะนั้นมันอาจจะมีการเทคะแนนไปให้ผู้ได้รับเลือกตั้งเต็มที่ แต่ที่เหลือเสียงก็แตกกระจัดกระจาย เพราะฉะนั้นจะไปเทียบกันไม่ได้
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะคนเบื่อพรรคการเมืองใหญ่ ทำให้ไปเลือกพรรคคนรุ่นใหม่มากขึ้นหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบกระทบพรรคการเมืองอื่น ขอพูดเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่างน้อยเราก็พอใจ และขอบคุณทั้งพี่น้องชาวชุมพร ชาวสงขลา และชาวราชบุรี จนมาถึงพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ที่ยังให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเราจะทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
