ตำรวจ สภ.อ่าวช่อ สภ.เมืองตราด ตามจับโจรลักทรัพย์เครื่องยนต์เรือ-นากุ้ง นำเงินไปเสพเฮโรอีน ตำรวจเค้นกว่าจะยอมรับโกหกหลายรอบ
เวลา 10.00 น. วันที่ 18 มิถุนายน 2565 สถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ได้รับการประสานจากตำรวจ สภ.อ่าวช่อ ให้ช่วยสกัดจับผู้ต้องสงสัยคดีลักทรัพย์ ในหมู่บ้านเปร็ดใน ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด โดยคนผู้ต้องสงสัยขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน กบจ 799 ตราด มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองตราด หลังรับแจ้งแล้วตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองตราด ได้ออกติดตามตัวตามเส้นทางที่คาดว่าผู้ต้องสงสัยจะขี่รถผ่าน โดยตำรวจ ด.ต.เวียงชัย เสโส หัวหน้าตำรวจสายตรวจ สภ.อ่าวช่อ พร้อมกำลังร่วมติดตามตัวผู้ต้องสงสัยด้วย
ไม่นานตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองตราด ก็พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยขี่อยู่บนถนนริมเขื่อน จึงเรียกให้จอดรถและสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ชื่อนายสุริยะ อายุ 34 ปี พักอาศัยอยู่ใน ต.เนินทราย อ.เมือง จ.ตราด พร้อมทั้งคุมตัวเอาไว้รอตำรวจ สภ.อ่าวช่อ เดินทางมารับตัว แต่นายสุริยะ สงสัยจับตนเองในข้อหาอะไร
จากนั้นญาติผู้เสียหายเดินทางมาถึง จึงแจ้งตำรวจว่า นายสุริยะ เป็นผู้ก่อเหตุขโมยเครื่องยนต์เรือ จำนวน 2 เครื่อง ของนายพัฒทพงษ์ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา และยังบอกกับตำรวจว่า วันนี้ชาวบ้านเห็นนายสุริยะ เข้าไปขโมยเครื่องยนต์นากุ้งของชาวบ้านอีก 1 เครื่อง สุดท้ายสุริยะ ยอมรับว่าขโมยเครื่องยนต์เรือ 2 เครื่อง ไปขายจริง ที่ร้านปัญญาค้าของเก่า ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด ส่วนของเครื่องยนต์นากุ้ง ยังไม่ได้ขโมยออกมา
และเมื่อตำรวจ สภ.อ่าวช่อ เดินทางมาถึง ได้ค้นตัว ค้นรถ พบเงินสดจำนวน 760 บาท อยู่ในตัว ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้จากการนำเครื่องยนต์นากุ้งไปขาย แต่นายสุริยะบอกว่าเงินสดที่พบเป็นเงินที่ขอแม่มา
จากนั้นตำรวจได้พาตัวนายสุริยะ และนายพัฒทพงษ์ ไปยังร้านปัญญาค้าของเก่า เพื่อไปชี้ยืนยันเครื่องยนต์เรือจำนวน 2 เครื่อง โดยนายสุริยะยอมรับเป็นคนขโมยมาขายที่ร้านแห่งนี้จริง ขณะที่นายพัฒทพงษ์ ก็ยืนยันว่าเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง เป็นของตนเองจริง
นายพัฒทพงษ์ กล่าวว่า ตอนแรกตนเองไม่รู้ว่าเครื่องยนต์ของตนนั้นหายไป ในขณะที่ตนเองมาหาซื้ออะไหล่ที่ร้านปัญญาค้าของเก่า จึงไปเห็นเครื่องยนต์ 2 เครื่อง วางอยู่ เหมือนกับเครื่องยนต์ที่บ้านของตนเอง จึงกลับไปดูที่นากุ้งที่ตนเองถอดจากเรือเอามาซ่อม พบว่าเครื่องยนต์หายไป จึงเชื่อว่าเครื่องยนต์อยู่ในร้านขายของเก่าเป็นเครื่องที่ถูกขโมยไป
จากนั้นตนเองได้แจ้งเตือนภัยในกลุ่มไลน์หมู่บ้าน ว่ามีคนร้ายเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นหูตา ให้เฝ้าดูคนแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ กระทั่งวันนี้นายสุริยะกลับเข้าพื้นที่ไปอีกและมีการแจ้งเตือนผ่านไลน์กลุ่ม ทำให้คนในหมู่บ้านออกมาช่วยติดตามหา กระทั่งพบนายสุริยะขี่รถออกจากหมู่บ้านโดยมีเครื่องยนต์นากุ้งบรรทุกขึ้นรถจักรยานยนต์มาด้วย
จากนั้น ด.ต.เวียงชัย สอบถามนายสุริยะ อีกรอบถึงของที่ขโมยมาเมื่อเช้านี้อยู่ไหน แต่นายสุริยะยังปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้ขโมยไป ทำให้ ด.ต.เวียงชัย ต้องกล่อมให้ให้นายสุริยะยอมรับให้ได้ ซึ่งนายสุริยะก็ยอมรับว่าขโมยไปจริง แต่เอาไปทิ้งลงแม่น้ำตราดแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่เชื่อ เพราะไม่มีโจรที่ไหนขโมยของแล้วจะเอาไปทิ้งน้ำ ซึ่ง ด.ต.เวียงชัย พยายามกล่อมให้บอกว่านำเครื่องยนต์ไปขายที่ไหน สุดท้ายนายสุริยะก็ยอมบอกว่า นำเครื่องยนต์ไปขายที่ร้านตะวันค้าของเก่า ต.เนินทราย อ.เมือง จ.ตราด
ก่อนที่ตำรวจจะพาตัวนายสุริยะ ไปยังร้านตะวันค้าของเก่า พร้อมประสานเจ้าของเครื่องยนต์นากุ้งมาชี้ยืนยันทรัพย์สิน เมื่อผู้เสียหายมาเห็นก็ยืนยันว่าเป็นเครื่องยนต์ที่หายไปเมื่อเช้านี้ จากนั้น ด.ต.เวียงชัย นำตัวนายสุริยะ พร้อมของกลางทั้งหมด กลับไปยัง สภ.อ่าวช่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายปัญญา พิศวาท อายุ 48 ปี เจ้าของร้านปัญญาค้าของเก่า บอกว่า นายสุริยะมีพฤติกรรมที่ชอบนำเศษเหล็กมาขายให้กับร้านเป็นประจำจึงเริ่มสงสัยตัวนายสุริยะ และถามไปว่าขโมยของคนอื่นมาหรือป่าว นายสุริยะก็บอกว่าไม่ได้ขโมย แต่ตนเองก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่ได้ถ่ายรูปนายสุริยะเอาไว้เป็นหลักฐานด้วย กระทั่งวันนี้ทราบว่านายสุริยะเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ นำของที่ขโมยมามาขายที่ร้าน
ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าของที่ขโมยมาและให้ความร่วมกับตำรวจอย่างดี แม้ว่าตำรวจจะยึดเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง จะต้องถูกยึดไปเป็นของกลางในคดี ส่วนเรื่องที่คนร้ายนำของที่ขโมยมาขายนั้น ทุกเคสยืนยันได้เลยว่าไม่รู้ที่มาของสินค้าว่าถูกขโมยมา เมื่อมีคนมีขายก็รับซื้อไว้ ส่วนของที่ซื้อมาแล้วแต่มารู้ภายหลังว่าถูกขโมยมา เจ้าของบางคนก็ซื้อคืนไป แต่บางคนไม่ได้ซื้อต้องให้ทางร้านไปฟ้องเอา ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าจะไปฟ้องแบบไหนอย่างไร ก็ต้องปล่อยไป
สำหรับนายสุริยะ ตำรวจเปิดข้อมูลว่าสาเหตุที่ก่อเหตุลักทรัพย์นั้น มาจากที่นายสุริยะติดยาเสพติด นำเงินที่ขายได้ ไปซื้อเฮโรอีนเสพ
