กาฬสินธุ์จนอันดับที่ 73 ของประเทศ ลั่นสู้ตายแก้ปัญหาประชาชน นายกรัฐมนตรี สั่งผู้ว่าราชการจังหวัดดูรายการศาสตร์พระราชาฯ มาถ่ายทอดให้ประชาชน ชี้ รัฐบาลนี้ไม่มีพรรคการเมือง หากรัฐมนตรีทำงานไม่ดีก็ต้องกลับบ้านพักผ่อน แนะประชาชนเลือกผู้นำสมัยหน้าให้เหมือนตนเอง พร้อมย้ำไม่เคยปิดกั้นคนที่วิจารณ์ตนเอง
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2560 เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านโพน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี,พลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.กระทรวงมหาไทย,นายกฤษฎา บุญราช รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.กระทรวงพาณิชย์,นายอุตตม สาวนายน รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม,นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงหายกระทรวงพร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยได้เข้าชมวิถีชีวิตด้วยรถไถนาเดินตามและการลงเดินเท้าเข้าเยี่ยมชุมชน ซึ่งที่แห่งนี้เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมแพรวา ที่เลื่องชื่อจนได้รับการขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งไหม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้เข้าร่วมฟ้อนรำกับชาวผู้ไทยและเข้าพบกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ร้องขอให้ นายกรัฐมนตรีจัดหาแหล่งน้ำให้กับประชาชน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในระหว่างพูดคุยพระปะชชาวบ้านโพนว่า จะอนุมัติงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก และการแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำด้วยงบประมาณกว่า 4 พันล้านบาท และจะสนับสนุนการท่องเที่ยวให้มีกิจกรรมเพื่อดึงดูดสร้างเม็ดเงินให้กับประชาชน พร้อมกับโปรยยาหอมรักแล้วอย่าลืมฉัน สร้างความสดชื่นให้กับประชาชนที่ร่วมต้อนรับจำนวนมาก ภาระกิจครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบเครื่องจักรกลการเกษตร และมอบโค-กระบือให้กับเกษตรกร ซึ่งมีรายงานว่าจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดที่มีความยากจนเป็นอันดับที่ 73 ของประเทศไทย
ข่าวน่าสนใจ:
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนภูไทเป็นกลุ่มคนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมีอายุ 200 ปี และมาจากสิบสองปันนา และจังหวัดกาฬสินธุ์ ก็ตั้งมาถึง 224 ปีส่วนผ้าไหมแพรวาที่เป็นสินค้าท้องถิ่น ต้องดูเพิ่มเติมว่า จะทำอย่างไรให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพราะการพัฒนานั้นจะต้องดูให้รอบด้านเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
ขณะเดียวกันยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปสร้างความเข้าใจ ทั้งเรื่องเกษตร เรื่องน้ำ ให้ครอบคลุม เพราะจะมองที่ปลายทางอย่างเดียวไม่พอจึงต้องรับฟังความเห็นของประชาชนเพื่อสนองตอบความต้องการได้อย่างมีคุณภาพและสิ่งใดที่ทำมากเกินไปก็ไม่ดี หากรัฐบาลซื้อสินค้าในราคาสูงก็ขายราคาสูงในตลาดโลกไม่ได้ ซึ่งวันนี้รัฐบาลมีแผนจะขับเคลื่อนเรื่องปศุสัตว์แทนการปลูกพืชร่วมด้วย เพราะประเทศไทยขาดวัว ขาดควายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนบริโภคนำมากินหมด แต่ยังมีคนนำเรื่องความยากจนมาโยงการเมือง ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีพรรคการเมือง หากรัฐมนตรีทำงานไม่ดีก็ต้องพักผ่อนกลับบ้าน เพราะวันนี้ไม่มีการเมือง มีแต่การบ้านที่ต้องแก้ปัญหา ส่วนเรื่องการทุจริต ยืนยันว่าจะตรวจสอบให้ทุกเรื่อง ที่มีการร้องเรียนมาและหากข้าราชการไม่ตรวจสอบก็ต้องมีโทษด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแนะประชาชนให้เลือกผู้นำเข้ามาทำงานบริหารบ้านเมือง ต้องมองด้วยปัญญาเลือกให้ดี ไม่ใช่เลือกแต่ญาติกัน แต่ต้องเลือกคนดี คนที่ทำงานได้ ส่วนประชาชนจะเลือกใครนั้นตนเองไม่ทราบ แต่ขอให้เลือกคนที่พูดแบบตนเองพอ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า ใครจะเขียนด่าตนเองหรือจะว่าอะไรก็ทำไป ยืนยันตนเองไม่เคยปิดกั้นใคร หรือบังคับใครแต่ต้องมีพื้นที่ให้ตนเองชี้แจงด้วย เพราะตนเองต้องทำให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ยังสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและข้าราชการ ฟังรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทุกวันศุกร์ เพื่อมาถ่ายทอดให้กับประชาชนฟังส่วนการปลดล็อกพรรคการเมือง ยืนยันว่าทำในเวลาที่สมควร ขออย่ามาถามอีกในการแก้ปัญหาความยากจน นายกรัฐมนตรีประกาศจะสู้ตายเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี โดยเน้น 3 แนวทางคือ 1.ประชาชนต้องมีความมั่นคง หมายถึงมั่นคงทุกเรื่องทั้งคุณภาพชีวิตและสิทธิเสรีภาพ 2.มั่งคั่ง คือประชาชนมีเงิน มีสุขทั้งครอบครัวและ 3.ยั่งยืน หมายถึง การมีคุณภาพชีวิตและสิทธิเสรีภาพ มีเงินมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ยังได้ปรับแผนไปเยี่ยมอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ตามคำร้องขอของนายบำรุง คะโยธา อดีตสมัชชาคนจน ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกผู้บริหารจังหวัดตัดโปรแกรมออก และการเข้ามาปล่อยปลาและปลูกต้นไม้ ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง
สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดกาฬสินธ์ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 305 ล้านบาท พัฒนาโครงการลุ่มน้ำลำพะยังตอนบน อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ และโครงการฝายลำพะยังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยยืนยันว่าให้โดยไม่มีคำว่าปากหวาน แต่ต้องดำเนินการให้เสร็จ นอกจากนี้ยังอนุมัติงบประมาณ 1,400 ล้านบาท พัฒนาถนน 4 เลนใน 3 โครงการ รวมถึงอนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องสาวไหมเครื่องละ 5 ล้านบาท จำนวน 5 เครื่องให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย แต่ในภาพรวมงบประมาณที่จะจัดลงมาภายหลังทำโครงการต่างๆคาดว่าจะมากกว่า 4 พันล้านบาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: