กาฬสินธุ์ยกระดับรับมือโรคไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 หลังพบเซียนมวยติดเชื้อ 1 รายจากสนามมวยกรุงเทพฯ พร้อมเฝ้าระวังกลุ่มบุคคล 10 รายที่สัมผัสกับผู้ป่วย เตือนประชาชนอย่างตื่นตระหนกแต่ควรตระหนักถึงแนวทางการป้องกัน โดยจะยกระดับมาตรการป้องกันแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่กระทบวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 18 มีนาคม 2563 นายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ นายสนั่น พงษ์อักษร และ นายจารึก เหล่าประเสริฐ รองผวจ.กาฬสินธุ์ นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.รพ.กาฬสินธุ์ ประชุมร่วมกับคณะกรรมาการอำนวยการต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ติดตามสถานการณ์และแนวทางการปฏิบัติในการควบคุมโรค โดยมีนายอำเภอ 18 อำเภอ หน่วยงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือเฝ้าระวัง หลังพบผู้ป่วยเพศชาย ชาวอำเภอยางตลาด ติดเชื้อโควิด -19 แล้ว 1 ราย
โดยการประชุมมีการหยิบยกมาตรการป้องกันของรัฐบาล 14 ด้าน และการรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ภาพรวมทั้งประเทศและที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งชัดเจนและยืนยันว่าพบผู้ป่วยเป็นชาย 1 ราย
นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ได้รายงานสถานการณ์ว่า ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ระหว่างวันที่ 3 มกราคมถึง 18 มีนาคม 2563 สำนักงานสาธารณสุขได้รับรายงานเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 พบผู้ป่วย 19 รายที่เป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคได้รับการตรวจทั้ง 19 ราย ผลไม่พบเชื้อ 18 ราย พบติดเชื้อ 1 ราย พ้นระยะเฝ้าระวัง 14 วันแล้วจำนวน 16 ราย ยังอยู่ในระหว่างติดตามอาการ 3 ราย โดยได้ดำเนินการช่วยเหลือและเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ในรายที่พบเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มาจากกรุงเทพฯ ที่ติดจากสนามมวยและภายหลังรู้ตัวว่าไม่สบายจึงได้เดินทางกลับมาที่บ้านในพื้นที่อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งพื้นที่การพบผู้ป่วยนั้นเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ ไม่ใช่การติดในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเรามีความพร้อมในการดูแลรักษา ซึ่งโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ สามารถรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อจริงได้ 30 ราย
ส่วนผลการติดตามผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ โดยกลุ่มผู้เดินทางมาจากเขตติดต่อโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศ จำนวน 29 ราย ติดตามได้และอยู่ในระยะเฝ้าระวัง14 วันในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ 28 ราย นอกพื้นที่ 1 ราย ส่วนกลุ่มผู้เดินทางจากพื้นที่มีการระบาดต่อเนื่อง 11 ประเทศ 25 รายสามารถติดตามอยู่ในระยะเฝ้าระวัง 14 วันในพื้นที่ทั้ง 25 ราย
ด้านนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์ดังกล่าวข้อมูลนับจากนี้จะต้องมีความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการติดตามผู้ต้องสงสัย เพื่อให้มาทำการกักตัวในการป้องกันโรค และคณะกรรมาการฯ จะต้องพูดคุยกันทุกวัน เพื่อทำการประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน ให้ยึดมาตรการ 14 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนวันสงกรานต์ หรือแม้แต่การปิดสถานบันเทิงและสถานบริการนวดแผนโบราณ ร้านเกม คาราโอเกะ แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ปิด แต่ต้องมีเงื่อนไข โดยเป็นการขอความมือสถานที่แต่ละแห่งให้มีมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนรายที่ติดเชื้อโควิด-19 นั้นเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากสนามมวยแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบไทม์ไลน์การเดินทางนั้น ทราบว่าเดินทางจากกรุงเทพฯ มาลงรถโดยสารที่ จ.ขอนแก่น ต่อด้วยรถตู้โดยสารลงที่ จ.กาฬสินธุ์ แล้วเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์เข้าหมู่บ้าน จนทราบข่าวว่าตนเองมีความเสี่ยง เพราะกลับจากดูมวย จึงขับรถมาที่โรงพยาบาล ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจจำนวน 2 ห้องแล็บ ผลยืนยันติดเชื้อโรคโควิด -19 จึงส่งตัวชายคนดังกล่าวเข้ารักษาที่ห้องความดันลบของโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานแล้ว ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบว่ามีกลุ่มคนจำนวน 10 ราย อยู่นอกพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 4 ราย และในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ 6 ราย ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสกับชายคนดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีอาการ โดยทั้งหมดสามารถติดตามตัวได้ และอยู่ในการเฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้แยกตัวออกจากครอบครัว ใส่หน้ากาก ล้างมือ และเฝ้าสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า สำหรับโรคโควิด – 19 สามารถป้องกันได้ด้วยตนเอง ในเมื่อเรารู้ว่าจุดใดเสี่ยงเราก็ต้องระมัดระวังป้องกัน จ.กาฬสินธุ์ ยืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง ประชาชนไม่ควรที่จะตื่นตระหนก แต่ควรที่จะต้องตระหนักถึงวิธีการป้องกัน การดำเนินชีวิตของประชาชนขอให้ดำเนินคงอยู่ต่อไป ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรอบข้าง ไม่ฝ่าฝืนธรรมชาติและต้องไม่ท้าทายธรรมชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า นับจากวันนี้ แม้สถานบันเทิงรวมถึงสถานบริการยังไม่ปิดตัวลง จะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจ หากพบว่ายังมีมาตรการการป้องกันไม่รัดกุม นายอำเภอในแต่ละพื้นที่จะใช้อำนาจในการยกระดับการเฝ้าระวังถึงการปิดสถานบริการดังกล่าวต่อไป
