เจ้าหน้าที่ศูนย์อัยการประสานสหวิชาชีพและชุมชน ร่วมขจัดความรุนแรงต่อหญิงและเด็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมสอบปากคำและฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กหญิง นักเรียน ม.3 วัย 15 ปี ขณะที่อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ระบุเพิ่งได้รับข้อมูล แต่ต้องรอพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนรวบรวมหลักฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
จากกรณีนักเรียนหญิงชั้น ม.3 อายุ 15 ปี และน้องสาวอายุ 13 ปี ไปจ่ายค่าปรับคดีจราจรที่สภ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ แต่กลับถูกตำรวจมีอาการลักษณะคล้ายคนเมาใช้มือโอบเอว แล้วลากขึ้นไปชั้น 2 และขอจับอวัยวะเพศ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุมีผู้นำเรื่องราวไปโพสต์ในโลกโซเชียลจนมีการแชร์และเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก กระทั่งผบ.ตร.สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เร่งดำเนินการขั้นเด็ดขาด พร้อมสั่งให้ย้ายมาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายเอ นางบี ตาและยายน้องบีและน้องซี เด็กหญิง ม.3 อายุ 15 ปี และ ม.1 อาบุ 13 ปี ชาว ต.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ ได้เดินทางให้ข้อมูลกับทีมสหวิชาชีพ ตามขั้นตอนทางกฎหมาย กรณีเด็กถูกกระทำรุนแรง เพื่อฟื้นฟูและเยียวยาสภาพจิตใจ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.ท.ประจำสภ.สหัสขันธ์ลวนลามและขอจับอวัยวะเพศ ขณะไปจ่ายค่าปรับจราจร ทั้งนี้ทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย อัยการ ตำรวจ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และผู้ปกครอง
โดยการสอบของสหวิชาชีพครั้งนี้พบว่านักเรียนหญิง ม.3 และน้องสาว ม.1 พร้อมด้วยผู้ปกครองมีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น ไม่วิตกกังวลเหมือนช่วงแรกๆ ที่กำลังลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโรงพัก หลังจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทั้ง ผบ.ตร.ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ได้ให้ความสนใจและมีการพูดคุยให้กำลังใจ และรับปากว่าจะให้ความเป็นธรรมและจะดำเนินการกับตำรวจที่ก่อเหตุถึงที่สุด
ขณะที่นายพิทักษ์ คำวชิรพิทักษ์ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าว ตนเพิ่งได้ทราบเรื่องในเบื้องต้นเท่านั้น และในชั้นแรกนี้ได้มอบหมายให้ทีมสหวิชาชีพ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องไปก่อน ส่วนรายละเอียดของสำนวนว่าจะส่งฟ้องอะไรยังไง ก็ต้องรอหลักฐานจากพนักงานสอบสวน ที่จะได้รวบรวมเข้ามา หลังจากสอบปากคำผู้เสียหาย พยานและคู่กรณี หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านนางหนูพัตร์ วงสุทโธ อายุ 67 ปี ยายนักเรียนหญิงชั้น ม.3 กล่าวว่านักเรียนหญิงชั้น ม.3 กล่าวว่า ตนเลี้ยงหลานสาว 2 คนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย รู้นิสัยใจคอดี และถึงแม้จะไม่อยู่ในเหตุการณ์ ตนก็เชื่อว่าหลานสาวพูดความจริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยากให้มีการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอน และอย่างตรงไปตรงมา เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเหตุการณ์เกิดบนโรงพัก ซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความอบอุ่นใจให้กับชาวบ้านในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: