เชื่อกันว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงประชาชนต้องเฝ้ารอให้พรรคการเมืองเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่คิดไม่ตกในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านของการเมืองไทย ประชาชนหลายคนต้องยากรู้เรื่องนโยบาย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาปากท้อง พรรคภูมิใจไทย ยังคงนำสโลแกนหัวใจคือประชาชน นำการเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่พลาดที่จะนำคนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมืองและชนชั้นกลาง พ่อค้า แม่ขาย ต้องการให้เกิดนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากต้องเป็นรูปธรรมเห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยาภาคกลางและลุ่มน้ำแม่กลองเขตแดน ตะวันตก ถือเป็นพื้นที่ที่ประชาชนต้องการให้พัฒนา เติมเต็ม ทั้งในเรื่องพลังงานและสินค้าทางการเกษตรอย่างครบวงจร
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ที่พรรคภูมิใจไทย เขตบางเขน กรุงเทพมหานครแจ้ง มีการประชุมพรรคเพื่อคัดเลือก หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค เพื่อเตรียมการสู้ศึกเลือกตั้ง โดยสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ เลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ส่วนรองหัวหน้าพรรคมี 4 คน ประด้วย รองคนที่1 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองคนที่2 นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รองคนที่3 นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส่วนรองคนที่4 นายชาดา ไทนเศรษฐ์
ภายหลังการคัดเลือกทั้งหมดมีมติเอกฉันท์ มีการแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งในแต่ละคนที่เป็นรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคากว่าจะได้รับมอบหมายพื้นที่ในภูมิภาคที่ตนอยู่และโดยเฉพาะ นายบุญลือ ประเสริฐโสภา จะดูแลภาคกลางและตะวันตก
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา อดีต ส.ส.ราชบุรี เขต 5 กล่าวว่าตนได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 2 คาดว่าจะได้ช่วยดูแลพื้นที่ภาคกลาวและตะวันตก ซึ่งการเมืองขณะนี้จำเป็นต้องดูแลประชาชนโดยเฉพาะเศรษฐกิจ ซึ่งตนก็ได้รับการผลักดันจาก หน.พรรคภูมิใจไทยแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ (ย่อย) ภาคกลาง-ตะวันตก พรรคภูมิใจไทย นั้น นโยบายพรรคภูมิใจไทย แต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของภาคกลาง-ตะวันตก พื้นที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นพื้นที่ทำเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ทั้งในรูปแบบการทำการเกษตรและอุตสาหกรรรมการเลี้ยงสัตว์ ยังเป็นพื้นที่แรงงานซึ่งมีแรงงานต่างด้าวที่มีความจำเป็นต่อภาคอุตสาหกรรม เบื้องต้นจึงได้กำหนดนโยบาย 5 ด้าน คือ
1.จะเพิ่มขยายเวลาวีซ่าให้แรงงานต่างด้าวกับ ประเทศพม่า ,เขมร ,ลาว พร้อมกับการเปิดด่านให้ค้าขายกับจังหวัดที่ไม่มีปัญหาเรื่องความมั่นคง เช่น จ.กาญจนบุรี ,จ.ราชบุรี,จ.สมุทรสาคร, จ.สมุทรสงคราม,จ.นครปฐม,จ.เพชรบุรี และจ.ประจวบคีรีขันธ์
2.เพิ่มพลังานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ ไฟฟ้าโซ่ล่าฟาร์ม เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าไม่พอใช้ใน ภาคกลางและตะวันตกและภาคใต้บางส่วน
3.ลดการนำเข้าสินค้าพืชผลทางการเกษตร เช่น พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม และมะพร้าว
4.ลดการนำเข้าเกษตรกรรม เช่นเนื้อ สุกร เนื้อวัว กุ้ง ปู ปลา และเนื้อสัตว์อื่นที่มีอยู่แล้วภายในประเทศ
5.ลดการใช้ ปุ๋ยเคมี น้ำยาเคมีสารเคมีต่างๆจากต่างประเทศ กับพืชผลไม้และสัตว์ โดย 1 ปีจะต้องลด 10% พร้อมกับส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการเพาะปลูกพืชผลไม้ทางการเกษตรในรูปแบบออแกนิคให้ได้มาตรฐาน เพื่อส่งออกตลาดในโซนประเทศยุโรป อเมริกา
ข่าวน่าสนใจ:
“ผมเชื่อว่านโยบายที่นำเสนอในพื้นที่ ภาคกลางและตะวันตก (ย่อย) เป็นนโยบายพัฒนาปากท้อง เป็นความมั่นคงทางอาหารของประเทศและความมั่นคงทางพลังงาน ที่จะเป็นการลดต้องทุน แต่จะเป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม” บุญลือ กล่าวในที่สุด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: