ตำรวจ สภ.เขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ นำหมายศาลเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาฆ่าโหดทุบหัวปาดคอสาวใหญ่ อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยเสพยา หลังผลตรวจดีเอ็นเอตรงกับหลักฐานที่พบ เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ ขณะที่ตำรวจมั่นใจหลักฐานโดยเฉพาะผลตรวจดีเอ็นเอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มัดจนนำไปสู่การออกหมายจับ
จากกรณีนางพิลาจันทร์ นัคสูน อายุ 47 ปี ชาวบ้านสมสนุก ต.กุดสิมคุ้มใหม่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ถูกคนร้ายฆ่าโหดทุบศีรษะ ใช้กรรไกรแทงกกหู และปาดคอซ้ำ ทิ้งศพไว้หน้าบ้านพัก โดยเหตุเกิดเมื่อ 13 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจมุ่งเป้าไปยังเรื่องยาเสพติด พร้อมลงพื้นที่ติดตามคนร้าย และนำตัวอดีตสามีเก่าของผู้เสียชีวิต และกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรวม 12 คนมาสอบปากคำและส่งดีเอ็นดีไปตรวจตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.เขาวง.จ.กาฬสินธุ์ นำโดย พ.ต.อ.กันตพัฒน์ ภาคธรรม ผกก.สภ.เขาวง เข้าจับกุมตัวนายสุกรี แสงปัญญา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/3หมู่ที่ 10 ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 128/2563 วันที่ 8 มิถุนายน 2563 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาสอบปากคำ หลังจากผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอและนิติเวชศาสตร์ผู้ต้องหา ตรงกับหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะรองเท้าบูทของผู้ต้องหาตรงกับรอยรองเท้าบูทที่พบในที่เกิดเหตุ และมีดปลายแหลมของผู้ต้องหาที่พกติดตัวตลอดเวลาเปื้อนดินและเลือดในที่เกิดเหตุ ประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ เช่นพฤติกรรมชอบดูหนังโป๊เว๊ปหนังลักหลับ จนนำไปสู่การออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมนำตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก แต่เบื้องต้นนายสุกรี ยังคงให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของนางพิลาจันทร์ ก่อนพนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังวันนี้ โดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พ.ต.อ.กันตพัฒน์ ภาคธรรม ผกก.สภ.เขาวง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สืบหาข่าว และนำตัวอดีตสามี รวมทั้งผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นกลุ่มเกี่ยวข้องกับยาเสพติดรวมทั้งหมด 12 คน มาสอบปากคำ พร้อมนำดีเอ็นเอส่งตรวจเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะนายสุกรี ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด ทั้งนี้นายสุกรี เเสงปัญญา มีพื้นเพเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก มาอาศัยอยู่กับภรรยาที่ อ.เขาวง ภรรยามีอาชีพทำงานเลี้ยงผู้สูงอายุอยู่ที่กรุงเทพมหานครโดยจะเทียวไปเทียวมานายสุกรี เเสงปัญญาก็จะอยู่คนเดียว แต่เนื่องจากพักหลังมาเป็นช่วงระบาดของโค-วิด19 ทำให้ภรรยานายสุกรี แสงปัญญาไม่มีงานเลยกลับมาอยู่บ้านกับสามี
ทั้งนี้ในคืนเกิดเหตุจากการสอบสวนภรรยาของนายสุกรี แสงปัญญา ทราบว่าในคืนวันเกิดเหตุช่วงเวลา03.00 น.ผู้ต้องหาได้ออกไปหาปลาตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน โดยจะพกมีดปลายแหลมติดตัวไปตลอด เเละจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุที่บ้านผู้ตาย พบวัตถุพยานต่างๆ มีการทำลายร่องรอยของ DAN ของผู้ต้องหาอย่างแนบเนียนทั้งการเผาและล้างน้ำ ที่บริเวณบ้านของผู้ตายมีร่องรอยการเปิดใช้น้ำจำนวนมาก โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เเละเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไม่ได้ใช้้ จึงคิดว่าผู้ต้องหาน่าจะใช้ล้างมีดพร้าที่ก่อเหตุ จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบ้านผู้ต้องหาก็พบว่ามีรองเท้าบูทที่มีรอย เเละขนาดตรงกับรอยรองเท้าในที่เกิดเหตุ เเละพบมีดปลายแหลมพก ที่นายสุกรี แสงปัญญา มีดินทรายที่บ้านผู้ตายและคราบเลือดติดมา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นดินที่ติดมาจากบ้านของผู้ตายในขณะขึ้นคร่อมเพื่อปาดคอผู้ตา จึงได้ทำการส่งตรวจสอบเพื่อหาร่องรอย DNA จนผลตรวจออกมา ศาลได้อนุมัติหมายจับออกมาเพราะจากผลทางนิติวิทยาศาสตร์พบว่า DNA ของผู้ต้องหากับผู้ตายเกี่ยวข้องกันทางด้านวัตถุพยานดั้งนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เขาวงจึงได้นำหมายจับเชิญตัวนาย สุกรี แสงปัญญา มารับทราบข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ สอบพยานแวดล้อมและจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าในโทรศัพท์ผู้ต้องหามีการโหลดคลิปโป๊และมีการดูคลิปโป๊จากเว็บไซต์ Google ลักหลับเป็นประจำ และก่อนเกิดเหตุอาจจะดูหนังโป๊ คาดว่าผู้ต้องหาคงเกิดอารมณ์หลังจากที่ดูหนังโป๊ในขณะที่ออกไปหาปลา และด้วยความที่รู้จักกับผู้ตายและรู้ว่าผู้ตายสามีโดนจับ เพราะเคยไปรับไปส่งผู้ตายเพื่อไปเยี่ยมสามีที่ติดคุกอยู่ คาดว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบหนัง จึงข้าไปข่มขืนผู้ตายแต่ทำไม่สำเร็จเลยเกิดการต่อสู้กันขึ้น เเละอาจพลั้งมือทำร้ายผู้ตาย แต่เนื่องจากกลัวความผิดเลยต้องฆ่าผู้ตาย เพื่อไม่ให้ใครรู้และมีการทำลายหลักฐานวัตถุพยานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับสภาพศพของผู้ตาย ที่กางเกงถูกปลดกระดุมออก 2 เม็ด แต่ก็ยังเหลือวัตถุพยานที่สามารถมัดตัวผู้ต้องหาได้ โดยที่ผู้ต้องหาเองก็ไม่ทราบว่าจะนำมาสู่การจับกุมตัวเองในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อหาโดยกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ถึงแม้ผู้ต้องหาให้การภาคเสธก็ตามและได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านพล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะผลตรวจดีเอ็นเอของคนร้ายที่ตรงกับหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุ ประกอบกับพยานแวดล้อมอีกทั้งผู้ต้องหายังมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีการเข้า-ออกบ้านของผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง แม้ผู้ต้องหาจะยังคงให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของนางพิลาจันทร์ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานแน่นและเพียงพอจึงนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาพร้อมกับนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: