ผู้ปกครองนักเรียนในตำบลคำเหมือดแก้ว อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับคณะกรรมการออมทรัพย์ครูในโรงเรียนฐานยักยอกทรัพย์ 10 ล้านบาท แฉมีข้าราชการรายหนึ่งกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู มาร่วมลงทุนกับสหกรณ์เถื่อนกว่า 1 ล้านบาท ด้านพนักงานสอบสวนระบุ จะเร่งติดตามตัวและออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
จากกรณีชาวบ้าน ที่อ้างเป็นตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนและศิษย์เก่า โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอห้วยเม็ก (ร.ร.คำมันปลาผดุงวิทย์ บ้านคำมันปลา หมู่ 6 ต.คำเหมือดแก้ว) ได้รวมตัวกันรวบรวมหลักฐาน เพื่อเข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอห้วยเม็ก ว่าถูกผู้บริหารและครู ในฐานะคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงเรียน ยักยอกเงินจำนวนกว่า 10 ล้านบาท โดยยื่นหนังสือร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ผ่านนายสุเทพ ชัยวัฒน์ นายอำเภอห้วยเม็ก และแนะนำให้เข้าแจ้งความ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
วันที่ 19 ม.ค. 61 เวลา 09.30 น. ที่ สภ.ห้วยเม็ก อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ นายพิบูรณ์ คำแหงพล ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน พร้อมด้วยนายพูนพิพ์ฒน์ เรืองแสน ตัวแทนศิษย์เก่า และชาวบ้าน 56 คน ได้เข้ายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือกับ พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ ยุทธศรี รอง ผกก.สส.สภ.ห้วยเม็ก ให้เร่งติดตามตัวคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูในโรงเรียน 7 คน จากจำนวน 9 คน (เสียชีวิต 2) ที่ยักยอกเงินฝากของชาวบ้าน ผู้ปกครอง และนักเรียนไปพร้อมดอกเบี้ยประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อให้เข้ามาไกล่เกลี่ย หลังจากมีพฤติการณ์หลบเลี่ยง และหลบหนีออกจากพื้นที่ ก่อนที่ชาวบ้านจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.อัศวิน หงษ์โยธี พนักงานสอบเวร สภ.ห้วยเม็ก
นางคำตัน นามโคตร อายุ 68 ปี บ้านเลขที่ 87 หมู่ 6 บ้านคำมันปลา ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าได้เริ่มนำเงินฝากกับสหกรณ์ในโรงเรียนดังกล่าว มาตั้งแต่ที่เริ่มจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 ทั้งนี้ เพื่อเป็นเงินฝากให้ลูกตามคำชักชวนของคณะครูที่เป็นคณะกรรมการฯ ที่ผ่านมาไม่เคยถอนเงินจากบัญชี นอกจากจะนำมาฝากสะสมเพิ่มขึ้น หลักฐานการฝากมีเพียงสมุดประจำตัวเท่านั้น จนถึงปัจจุบันมี 5 บัญชี ทั้งบัญชีของตน และบัญชีของลูกหลาน ซึ่งตนจะเป็นคนนำฝากทุกปี โดยจะนำเงินที่ได้จากเบี้ยผู้สูงอายุของตน เบี้ยยังชีพคนพิการของหลาน และเงินที่เก็บหอมรอบริบจากการส่งเสียของลูกมาฝาก จนมียอดเงินต้นสะสม 180,000 บาท หวังจะถอนออกมาใช้ในยามเจ็บป่วยหรือยามจำเป็น เมื่อทราบว่าคณะกรรมการสหกรณ์ฯ เออร์ลี่ออกจากครูพร้อมยักยอกเงินไปด้วย ก็รู้สึกผิดหวัง เสียใจมาก จึงได้ร่วมกับเพื่อนบ้าน ผู้ปกครองเด็กที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย มาแจ้งความดังกล่าว
ด้านนายอัมพร นระศรี อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 174 หมู่ 2 ต.โนนสูง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่นำเงินฝากให้ลูกหลาน รวม 3 บัญชี โดยไม่เคยถอนออกมา ถึงแม้จะย้ายที่อยู่คนละอำเภอ ก็นำมาฝากออมเพื่ออนาคตของลูกหลาน นอกจากนี้ที่ผ่านมายังถูกคณะกรรมการ ชักชวนให้นำเงินไปฝากเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อระดมทุนโดยนำไปปล่อยกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 2 บาทต่อเดือน หรือร้อยละ 24 บาทต่อปี บางครั้งถึงกับต้องกู้เงิน ธ.ก.ส.มาฝาก เพื่อหวังเงินปันผลจำนวนมาก จนถึงปัจจุบันมีเงินฝากสะสม จำนวน 350,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ย แต่แล้วก็มาเกิดเรื่องเสียหาย ไม่ต่างกับสหกรณ์ฯที่ตั้งมา 20 ปีล้มละลาย เนื่องจากคณะกรรมการฯยกชุดเออร์ลี่และหนีหายไป จึงได้เข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งติดตามตัวคณะกรรมการทั้ง 7 คนมาไกล่เกลี่ยและชดใช้เงินคืนด้วย เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าถูกหลอกให้ร่วมระดมทุน โดยคณะกรรมการนำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวทางอื่น ไม่เคยนำผลกำไรกลับมาปันผลชาวบ้านเลย
ด้าน ร.ต.ท.อัศวิน หงษ์โยธี พนักงานสอบเวร สภ.ห้วยเม็ก กล่าวว่า หลังสอบถามตัวแทนชาวบ้าน เบื้องต้นก็จะลงบันทึกประจำวันไว้ ให้ชาวบ้านผู้เสียหายทั้งหมดมาลงชื่อ ซึ่งในวันนี้มากัน 21 คน โดยต้องการไกล่เกลี่ยและขอเงินคืน ทั้งนี้ พฤติกรรมของคณะกรรมการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหา ในส่วนที่ว่าจะเข้าข่ายฉ้อโกง หลอกลวง หรือยักยอกทรัพย์หรือไม่อย่างไรนั้น ก็จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกอย่างละเอียดต่อไป ทั้งนี้ ก็จะได้เร่งติดตามตัวและออกหมายเรียกคณะกรรมการฯ ที่ยังมีชีวิตอยู่มาสอบปากคำให้เร็วที่สุด ให้ความมั่นใจจะติดตามตัวมาสอบปากคำได้ เพราะเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากนำเงินไปฝากไว้กับสหกรณ์ดังกล่าวคนละหลายหมื่นหลายแสนบาท
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบหลักฐานแจ้งความ พบว่ามีข้าราชการอีกหลายคน ที่หลงเชื่อกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่น มาร่วมลงทุนปล่อยกู้กับสหกรณ์ฯ ดังกล่าว โดยเฉพาะรายหนึ่งซึ่งเป็นญาติกับคณะกรรมการฯ กู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูฯ มาฝากกับสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงเรียนจำนวนมากถึง 1,200,000 บาท โดยยังไม่ได้ถอนคืนหรือได้ดอกเบี้ยสักบาท
