ดร.หนุ่มผู้บริหารโรงเรียนเอกชนชื่อดังในอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ถูกภรรยาอ้างทำปืนลั่นเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ตำรวจสภ.สมเด็จแจ้งข้อหาเพิ่มฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
จากกรณี ดร.รัฐศาสตร์ พาณิชย์พงศ์ภัค อายุ 45 ปี ผู้บริหารโรงเรียนเอกชนชื่อดังใน อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ถูกกระสุนปืนอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล็อก ยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัสภายบ้านพักเลขที่ 208/1 หมู่ 4 ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่จนต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จและส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น หลังจากมีปากเสียงกันกับนางมยุรา พาณิชย์พงศภัค อายุ 44 ภรรยา โดยนางมยุรา อ้างว่า ช่วงระหว่างที่ทะเลาะกันนั้นเป็นการยื้อแย่งปืนกันจนทำให้ปืนลั่น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ รักษาศิลป์ ผกก.สภ.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าล่าสุดพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้รับแจ้งจากแพทย์โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นว่าดร.รัฐศาสตร์ ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว และกระสุนเข้าที่จุดสำคัญ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนางมยุรา จากเดิมแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น เป็นฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำนางมยุราเบื้องต้นในวันเกิดเหตุไปแล้ว โดยนางมรุยาอ้างว่าเป็นการยื้อแย่งอาวุธปืนกันจนทำให้ปืนลั่น เนื่องจากทะเลาะและมีปากเสียงกันเรื่องโทรศัพท์ลึกลับที่โทรหาสามี แต่ไม่สามารถอธิบายได้
พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถสรุปสำนวนได้ เนื่องจากต้องรอผลตรวจพิสูจน์ต่างๆ ทั้งวิถีกระสุน และการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งผลการผ่าชันสูตรศพจากแพทย์ถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด และการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ส่วนนางมยุรานั้นหลังจากให้ปากคำให้กับตำรวจเบื้องต้นแล้วได้ยื่นขอประกันตัวเป็นเงินสดจำนวน 500,000 บาทออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้ประกันตัว เนื่องจากหลังเกิดเหตุได้ยืนรอมอบตัวและไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่ยังไม่สามารถให้การรายละเอียดมากนัก เนื่องจากยังอยู่ในอาการตกใจและเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งยังต้องจัดการเรื่องงานศพ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเรียกตัวมาให้ปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามสำหรับศพของดร.รัฐศาสตร์ ขณะนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ซึ่งญาติเตรียมที่จะนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลตามศาสนาที่บ้านในช่วงบ่ายวันนี้ ท่ามกลางความเสียใจของญาติๆที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
