เปิดใจผู้นำครอบครัวทั้งน้ำตา ออกจากเรือนจำไม่มีบ้านอยู่อาศัยแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เผย 6 ปีที่ต่อสู้มีทั้งถูกหลอก ถูกทนายต้มสูญเงินไม่น้อย ลูกเป็นหนี้ล้นพ้นตัว ครอบครัวพังส่งหลานสาวกลับไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่เหตุไร้บ้าน วาระสุดท้ายชีวิตขอตายที่บ้านที่สร้างมาด้วยสองมือ ขณะที่ภาครัฐโดยอำเภอสหัสขันธ์ ประสานความร่วมมือขอความช่วยเหลือทุกฝ่ายระดมสหวิชาชีพเยียวยาบรรเทาทุกข์
จากกรณีที่ 3 ชีวิตยายหลานคือนางกองศรี นนทะพิทา อายุ 59 ปี และหลานสาววัย 8 ขวบ และ 10 ขวบ ถูกฟ้องขับไล่ให้ออกจากบ้านตัวเองที่อาศัยอยู่กินมานานเกือบ 40 ปี ต้องอพยพมาอยู่ศาลาประชาคมในหมู่บ้าน บ้านโนนน้ำเกลี้ยง ต.โนนน้ำเกลี้ยง อ.สหัสขันธ์ ขณะที่ผู้นำครอบครัวนายไสว นนทะพิทา อายุ 62 ปี ถูกจำคุกในเรือนจำตามกระบวนการฟ้องขับไล่ เบื้องต้นนายอำเภอสหัสขันธ์ ได้ระดมส่วนราชการในพื้นที่ทั้งเทศบาลต.โนนน้ำเกลี้ยง ศูนย์ดำรงธรรม อ.สหัสขันธ์ ทีมแพทย์สาธารณสุข และส่วนราชการอื่น ๆ เข้ามาช่วยเหลือตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 13 มี.ค. 61 ว่าที่ร้อยตรีธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอสหัสขันธ์ ด.ต.ไพศาล มูลมาตร์ นายกเทศมนตรีตำบลโนนน้ำเกลี้ยง นำชาวบ้านเข้าปรับปรุงบ้านเทิดไท้องค์ราชันของเทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง เพื่อให้ครอบครัวของนายไสว นนทะพิทา และนางกองศรี นนทะพิทา เข้ามาอยู่อาศัย หลังศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่งนิคมสร้างตนเองลำปาว ได้แจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่ย้ายเข้ามาอาศัย ที่ครอบครัวได้เข้าไปอยู่เพียง 2 วัน ซึ่งชาวบ้าน จิตอาสา และเจ้าหน้าที่เทศบาล ได้ขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้มาไว้ที่บ้านใหม่ ขณะที่หลานสาว 2 คน ได้ส่งให้กลับไปอยู่กับแม่ ที่กทม. ด้วยสภาพที่ไม่สะดวกไม่มีบ้านอยู่อาศัย ทั้งนี้นางวราภรณ์ เปล่งแสง ผอ.คุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะ ยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายนำโชค สอนวงษา หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมระบบงานยุติธรรม นายอาคม ศรีจำนงค์ หัวหน้ากลุ่มอำนวยความยุติธรรมและนิติกร สำนักงานงานนยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ เข้าไปรับเรื่องร้องทุกข์ ที่เกิดขึ้นและศึกษาหาแนวทางข้อมูลการช่วยเหลือ โดยล่าสุดพบว่านายไสว นนทะพิทา ได้เคยถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือ โดยการไกล่เกลี่ยเบื้องต้นปรากฏว่าเจ้าของที่ดินใหม่ได้ปฏิเสธการขายที่บ้านคืนแก่นายไสว นนทะพิทา โดยสำนักงานอัยการสูงสุด ประจำสำนักงานอัยการจ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้ดำเนินการ
นายไสว นนทะพิทา ได้เปิดใจหลังออกจากเรือนจำ ว่า เป็นครังแรกของชีวิตที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำถึง 5 วัน เมื่อออกมาแล้วก็ไม่ได้อยู่อาศัยในบ้านที่เคยเป็นของตัวเอง อยูมาเกือบ 40 ปี จากที่ถูกน้ำท่วมเป็นทางลูกรังไม่มีใครสนใจ บิดา ได้ยกให้ด้วยวาจาเหมือนกับทายาทคนอื่น ๆ ที่ได้ที่ดินทำกินไปไม่น้อยจากพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 5 คน กับสัญญาที่ต้องเลี้ยงดูพ่อที่แก่เฒ่าจนวาระสุดท้ายของชีวิต และให้ทำบุญ 100 จัดมหรสพสมโภช ในประมาณปี 2522 ที่ถนนตัดผ่านยังเป็นางเกวียน ทางลูกรัง ตนกับครอบครัวได้แยกมาอยู่ทำไร่อ้อย ปลูกข้าว เป็นเกษตรกร จากที่ที่ถูกน้ำท่วมซ้ำซากเพราะติดกับลำห้วยและเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ปีไหนขายผลผลิตทางเกษตรได้ดีก็ซื้อดินมาถมเรื่อย ๆ และร้องขอทางเทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง และเทศบาลตำบลนิคม ทำฝายกั้นน้ำให้ จนเป็นที่สวยงามติดถนน 4 เลนส์ อยู่ตรงข้ามกับสวนไดโนเสาร์ ประตูเข้าสู่ดินแดนไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียง ประมาณปี 2548 ได้เริ่มก่อสร้างบ้านหลังลูก ๆ เรียนจบ ม.6 ลูก ๆ ต่างเก็บเงินส่งมาช่วยสร้างบ้านเป็นบ้านชั้นเดียว เลขที่ 85 หมู่ 8 ต.โนนน้ำเกลี้ยง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อให้ได้อยู่อาศัยยามแก่เฒ่า ปี 2555 ได้ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ญาติพี่น้องทุกคนมาร่วมทำบุญและยินดี ก็ไม่มีอะไรที่จะส่อเค้าว่าจะเกิดศึกมรดกขึ้นมา เพราะในวันที่บิดาจะเสียชีวิต ไม่มีใครคัดค้านเรื่องที่ดินผืนนี้ เลยและถือว่าตนเองลำบากมากกว่าใครในบรรดาพี่น้องที่ได้รับมรดกไปเท่า ๆ กัน แต่สำหรับที่ดินผืนนี้หลังบิดาเสียชีวิต ตนเองก็ไม่ได้ทำการรังวัด และโอนกรรมสิทธิ์เพราะถือใจบริสุทธิ์ ไม่คิดว่าจะถูกพี่น้องทำร้ายได้ถึงเพียงนี้”
“สิ่งที่สงสัยคาใจคือทำไมต้องเป็นที่ดินตรงนี้เนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 88 ตาราวา ก่อนจะมีปัญหาทุกคนไม่เคยคัดค้าน ถึงการสร้างบ้านก็มาดูแลเกื้อกูลกันอยู่เสมอมิได้ขาด ขณะที่ดินที่อยู่ด้านหลังอีกกว่า 40 ไร่ จุดนั้นญาติพี่น้องยังทำกินร่วมกันทำไมไม่มีใครฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์ ที่ผ่านมากว่า 6 ปี ได้ต่อสู้เพื่อรักษาบ้าน และมรดกที่พ่อมอบให้เป็นสิ่งสุดท้ายบนโฉนดที่ดิน เลขที่ 15275 เลขที่ดิน 249 ตกเป็นจำเลย มีโจทก์เป็นพี่น้องและหลานร่วมกันฟ้อง ในคีแพ่งหมายเลขดำที่ 686/2554 , 1034/2555 คดีหมายเลขแดงที่ 134-135/2556 ในข้อหาที่ดิน กรรมสิทธิ์รวม โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 มกราคา 2556 โดยให้พี่น้อง 5 คน แบ่งที่ดินทำกินเท่า ๆ กัน โดยการตกลงร่วมกัน หากตกลงยอมกันไม่ได้ให้เข้าสู่กระบวนการบังคับคดีขายทอดตลาดและนำเงินมาแบ่งให้เท่า ๆ กัน จากนั้นวันที่ 19 ธันวาคม 2556 ตนและญาติพี่น้องได้ตกลงยินยอมประนีประนอมต่อเจ้าหน้าที่บังคับคดี แต่ญาติพี่น้องกลับเพิกเฉย
ขณะที่วันที่ 12 -13 กันยายน 2559 ทางบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาด ทั้ง ๆ ที่ตนเองได้แจ้งแล้วว่าได้ร้องต่อศาลกันพื้นที่ส่วนบ้านที่อยู่อาศัยออกจากที่พิพาท บนเนื้อที่ 17 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา และตนเองมีสิทธิ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในนั้นประมาณ 3 ไร่ 1 งาน 97.6 ตารางวา ซึ่งมีคำสั่งศาลได้พิพากษาตัดสินออกมาในวันที่ 17 กันยายน 2559 คดีหายเลขดำที่ กส. 4/2558 คดีหมายเลขแดงที่ กส.2/2558 หรือถัดจากการขายทอดตลาดแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งศาลได้ยกคำร้องในส่วนของการงดการขายทอดตลาด และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแยกขยายทอดตลาดที่ดิน โฉนดเลขที่ 15275 ตำบลโนนน้ำเกลี้ยง อำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ บริเวณบ้านเลขที่ 85 หมู่ 8 ต.โนนน้ำเกลี้ยง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งนี้จากการขายทอดตลาดโดยมิชอบเพราะขายทอดตลาดทั้งหมด 17 ไร่ 1 งาน 88 ตารางวา เป็นเงินกว่า 3,650,000 บาท แบ่งและจัดสรรให้กับญาติพี่น้องและทยาทผู้รับมรดกทั้งหมด 5 คน ได้เงินคนละประมาณ 700,000 บาท ซึ่งทุกคนดูพอใจมากแต่ตนเองยังต้องถูกหักค่าธรรมเนียม ค่าทนาย และอื่น ๆ อีก เหลือเงินที่ยังไม่ไปรับที่บังคับคดีอีกประมาณ 4 แสนกว่าบาท เพราะหวังว่าจะเก็บไว้เป็นเงินซื้อบ้านคืนจากเจ้าของใหม่ แต่ตอนนี้ถูกปฏิเสธไม่ขายคืน” นายไสว กล่าว
นายไสว กล่าวอีกว่า การต่อสู้คดีกว่า 6 ปี ทั้งถูกทนายหลอกเอาเงิน ถูกคนต้มตุ๋น และถูกโกงเงินมาสารพัดรูแบบสูญเงินเก็บไปไม่น้อยและยังส่งผลถึงลูกสาว 2 คนที่หาเงินมาช่วยคดีจนตอนนี้ต้องเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวหลานสาวที่เคยอยู่เป็นเพื่อนก็ต้องกลับไปอาศัยกับพ่อแม่เพราะตายกับยาย ลำพังก็ไม่มีที่อยู่อาศัย ชีวิตเหมือนมืดแปดด้านหันไปทางไหนไม่ได้จะทนทุกข์อยู่กับสภาพนี้ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะสู้เต็มที่มาตลอด 6 ปี ต้องกลายมาเป็นคนไร้บ้าน ในยามแก่เฒ่า หากจะให้เป็นภาระลูก ๆ ก็ดูว่าจะยิ่งแย่ไปกันหมดวาระสุดท้ายก็ขอเพียงสู้อีกครั้ง สู้เพื่อเอาบ้านของตนกลับคืนมาได้ตายในบ้านตัวเองคงตายตาหลับ
ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรีธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอสหัสขันธ์ กล่วาว่า ได้รายงานข้อมูล และข้อเท็จจริงต่าง ๆ เสนอไปยังผู้ว่าราชการจ.กาฬสินธุ์ แล้ว ขณะที่การช่วยเหลือในพื้นที่ ได้ขนย้ายสิ่งของเข้ามาอาศัยบ้านเทิดไท้องค์ราชัน ของเทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง ที่เพิ่งว่างลงความเป็นอยู่อาจจะยากลำบากไม่สบายเหมือนเดิมโดยได้นำถุงยังชีพปลอบขวัญและบรรเทาทุกข์ ส่วนเรื่องคดีความกฎหมายต่าง ๆ ได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรม อ.สหัสขันธ์ ส่งเรื่องไปยังศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อระดมหาทางช่วยเหลือตามกระบวนกรกฎหมายที่พอจะมีสิทธิ์ ด้วยเป็นคดีที่มีการต่อสู้มาอย่างยาวนาน อีกทั้งผู้ที่ตำเป็นจำเลยถูกทนายทออดทิ้งระหว่างคดี ทำให้ไม่มีการอุทธรณ์และเป็นผลให้คดีถึงที่สุดนำมาซึ่งกระบวนการบังคับคดี แต่สิ่งที่กังวลขณะนี้คงจะเป็นเรื่องของการขอซื้อคืนบ้าน ในพื้นที่พิพาท ที่จะต้องรอดูเอกสาร ที่เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดีว่าได้มีการตกลงซื้อขายหรือไม่อย่างไรมีความชัดเจนมากน้อยแค่ไหนเพราะแม้แต่จะซื้อคืนในราคาเดิมตอนนี้ในราคา 7 แสนกว่าบาท ครอบครัวยังจะซื้อยากเนื่องจากทุกคนสูญเงินไปกับการต่อสู้คดีไปจำนวนมาก ที่ส่วนนี้คงจะต้องหาทางช่วยเหลือระดมทุนเข้ามาไว้อีกทาง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: