ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบพนักงานสอบสวน ลงบันทึกแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน หลังพบว่ามีแก๊งค์ 18 มงกุฏ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นำชื่อพรรคและปลอมตราสัญลักษณ์ของพรรคไปแสวงหาผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00 น.นายชวน ชูจันทร์ อายุ 65 ปี เลขที่ 30/1 หมู่ที่ 15 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายพรชัย ธาตวากร ทนายความและผู้ร่วมจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบ ร.ต.อ.ธีรภาพ ภูขันซ้าย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐ ได้รับแจ้งว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊คว่า ประสิทธิ์ จันทวัติ พร้อมพวก ได้พากันทำเสื้อซึ่งมีตราสัญลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังมีพฤติกรรมอ้างตนเองว่าเป็นผู้อำนวยการพรรคในภาคอีสาน และยังข่มขู่ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น จนมีคนร้องเรียนให้ตรวจสอบ
ทั้งนี้ นายชวน ชูจันทร์ ได้นำภาพถ่ายในเฟสบุ๊คของ นายประสิทธิ์ จันทวัติ ส่งให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งในเบื้องต้น นายชวนฯ ระบุว่า ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดี แต่เพื่อให้พนักงานสอบสวนได้เรียกตัวมาตักเตือนเสียก่อน เพราะการกระทำดังกล่าวอาจจะส่งผลต่อ พรรคพลังพลังประชารัฐ เพราะขณะนี้ แม้แต่พรรคเอง ก็ยังไม่มีเสื้อใส่หรือดำเนินการใดๆ เพราะพึ่งจะได้รับการอนุมัติชื่อจากทาง กกต. ซึ่งก็ต้องรอให้มีการประชุมพรรคภายใน 180 วัน ถึงจะดำเนินการทางการเมืองได้
นายชวน ชูจันทร์ ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า นายประสิทธิ์ จันทวัติ พร้อมพวกที่ปรากฏในภาพในเฟสบุ๊ค ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างไรกับทางพรรค และคนในพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่เคยเห็น นายประสิทธิ์ฯ มาก่อน การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการแอบอ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาสมาชิก การเคลื่อนไหวทางการเมือง การหาตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หรือมีการจัดเลี้ยงแล้วมีการใส่เสื้อพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นการหมิ่นเหม่ต่อกฏหมาย พรรคพลังประชารัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้มาลงบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐ ก็พึ่งจะได้รับการอนุมัติชื่อในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็อยู่ในระหว่างเตรียมการประชุมใหญ่ แต่หากไม่มาลงบันทึกเอาไว้ อาจจะทำให้พรรคพลังประชารัฐชื่อหลุดไปเพราะพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ได้
ด้าน นายพรชัย ธาตวากร ทนายความประจำพรรคพลังประชารัฐ และเป็นผู้แจ้งจดตั้งพรรคอันดับที่ 18 กล่าวว่า พฤติกรรมของ นายประสิทธิ์ จันทวัติ หรือครูเฒ่า เป็นการปลอมตราสัญลักษณ์ของพรรคและมีพฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ อีกทั้งพฤติกรรมการโฆษณาทางเฟสบุ๊ค ถือเป็นความผิดทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งหากแจ้งความร้องทุกข์ก็สามารถดำเนินคดีทางอาญาได้ทันที แต่ในการลงบันทึกไว้นี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกมาตักเตือน และไม่ต้องการให้กระทำการอย่างนี้อีก จึงขอให้ยุติการกระทำ
ด้าน ร.ต.อ.ธีรภาพ ภูขันซ้าย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ตนได้รายงานให้ พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้รับทราบว่า ซึ่งต่อไปก็จะได้ติดต่อให้ นายประสิทธิ์ จันทวัติ หรือ ครูเฒ่า ให้เข้ามารับทราบปัญหาและให้ยุติการกระทำนี้ ซึ่งหากยังมีพฤติกรรมนี้อยู่ ต่อไปนี้ก็สามารถจะดำเนินคดีทางกฏหมายได้ทันที
