พรรคภูมิใจไทย มองการทำแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ เปิดให้เรียนฟรีตลอดชีวิตจะเป็นทางออกของความเหลื่อมล้ำการศึกษาไทย พร้อมชูนโยบาย ล้างระบบกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา พร้อมพักหนี้ 5 ปี
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยภายในงานเสวนา เรื่องเรียนฟรี ตลอดชีวิต Thailand Sharing University ว่า พรรคภูมิใจไทยเชื่อว่าการจะทำให้คนไทยพัฒนาได้ ต้องมีการศึกษาที่ดีก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งต้องเป็นการศึกษาอย่างทั่วถึงทุกคน หากย้อนไปเมื่อช่วงการเลือกตั้งปี 2557 การศึกษาไทยมีปัญหาในเรื่องของการเข้าถึงการศึกษาในระดับสูง เพราะหลายคนไม่มีทุนทรัพย์ที่จะเข้าไปเรียนได้ เลยต้องไปกู้ยืมจาก กยศ. เมื่อกู้ไปแล้วเราก็พบปัญหาในช่วงขณะนั้น มีผู้กู้ถึง 1.9 แสนคนที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ เรื่องนี้ถือเป็นการลงทุนที่รัฐต้องทำ
ซึ่งพบว่ากองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ในปัจจุบันมีผู้ที่เป็นหนี้จาก กยศ. ถึง 1 ล้านกว่ารายจากคนกู้ยืมจำนวน 5.4 ล้านราย ถ้าเราปล่อยเรื่องอย่างนี้ไว้จะเกิดปัญหาในการพัฒนาประเทศอย่างสูง เราจึงต้องทำให้ลูกหลานได้รับการศึกษาโดยไม่มีภาระค่าใช้จ่าย
โดยแนวทางของพรรคภูมิใจไทยในการแก้ปัญหาการศึกษาทั้งระบบ มีอยู่ 2 เรื่องสำคัญด้วยกัน คือแก้ปัญหาหนี้ กยศ. และแก้ปัญหาระยะยาว
- ปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. เป็นเรื่องแรกที่ต้องดู เพราะเบี้ยปรับที่มาทบต้นอีกเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เป็นปัญหาหนี้สิน ในเมื่อต้องการช่วยเยาวชน ทำไมต้องคิดให้สูงถึง 18% เราจะต้องปรับให้เหลือ 0.01% ก็เพียงพอแล้ว
- ยกเลิกการคิดดอกเบี้ย ในเมื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนในชาติพัฒนา จุดประสงค์คือตรงนั้น เราก็ยกเลิกดอกเบี้ยกู้ยืมไปเลย
- ยกเลิกผู้ค้ำประกัน เราต้องเชื่อมั่นในตัวเด็กว่าจะให้เด็กไปศึกษาแล้วพัฒนาตนเอง พัฒนาชาติ หากเชื่อใจกันตรงนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกัน
- ปรับวิธีการชดใช้หนี้ ให้เยาวชนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานพิเศษให้กับรัฐ ทดแทนเงินที่ต้องหามาใช้
- การพักหนี้ให้กับผู้กู้ยืม จะมีการพักหนี้เป็นเวลา 5 ปี เพราะเราให้เวลาเขาน้อยเกินไปในการชำระคืน
ส่วนวิธีแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เราต้องสร้างระบบทางเลือกดิจิทัล ให้ออนไลน์บนแอปพลิเคชันเพื่อการศึกษา ให้เขาเข้ามาเรียนตอนไหนเมื่อไรก็ได้ ฟรีตลอดชีวิต ก็จะเป็นการลดภาระ พัฒนาบุคลากรในประเทศอย่างยั่งยืน ทางพรรคได้ศึกษามาแล้ว การทำโครงการนี้ไม่จำเป็นต้องของบประมาณเพิ่มเติม ทั้งยังลดงบประมาณไปครึ่งหนึ่ง
“ซึ่งหากพรรคภูมิใจได้รับเลือกให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะใช้เวลา 6 เดือนเพื่อทำนโยบายเหล่านี้ให้เป็นจริง”
เปิดการศึกษาฟรีตลอดชีวิต ทางออกของปัญหา
ดร.พะโยม ชิณวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาภาคเอกชน กล่าวว่า คุณภาพการศึกษาของเราต่ำกว่ามาตรฐาน จากผลสัมฤทธิ์ที่ไม่ถึงเกณฑ์ เรามีความเหลื่อมล้ำ การศึกษาไม่เท่าเทียมกัน เราจะเห็นได้ว่ามีโรงเรียนในสังกัดต่างๆมากมาย เรามีโรงเรียนขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ในเมือง นอกเมือง สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ การแก้ไขปัญหาตรงนี้ เราต้องเปิดให้มี การศึกษาฟรีตลอดชีวิต
ส่วนวิธีการทำอย่างไรนั้น งบประมาณการศึกษาในปัจจุบันมหาศาลมาก อยู่ราว 9 แสนล้านบาท รวมถึงค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง การระดมทรัพยากร หากสิ่งเหล่านี้จะถูกจัดสรรให้ถูกต้องก็จะสามารถเป็นไปได้ แต่เรื่องแรกที่ต้องทำคือ การปรับหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่น ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย กระบวนการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผล
คนของเราต้องถูกพัฒนาเต็มศักยภาพ แต่จะทำได้โดย 1.โอกาส ต้องได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม 2.คุณภาพ ยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทำให้ตรงกับความต้องการของตลาด ประเทศเรามีศักยภาพทุกพื้นที่ แต่ต้องทำให้การศึกษาในพื้นที่เขามีศักยภาพแท้จริง เราไม่ต้องหยุดเพาะปลูกเพราะหิมะเป็นเดือนๆ
กุญแจสำคัญ คือ การศึกษาแบบออนไลน์
พ.อ.ดร.เศรษฐพงศ์ มลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ไทยกับเกาหลีใต้ไม่ได้มีความต่างกันมากในอดีต แต่ในวันนี้เกาหลีใต้เป็นประเทศชั้นนำของโลก ส่วนไทยเรายังติดกับดักรายได้ เพราะประเทศเรายังมีชนชั้นในการเข้าถึงการศึกษาอยู่ ระบบการศึกษาไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกคน หากปลดล็อกตรงนี้ได้ ทั้งหนี้การศึกษา การถูกฟ้องร้อง ตรงส่วนนี้จะหายไป
“แต่มาวันนี้ประเทศไทยมีการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ก้าวไปสู่จุดที่เราสามารถแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาได้อย่างง่ายดาย หากนโยบายภาครัฐเอื้อต่อการแก้ไข ประเทศไทยพร้อมไปสู่จุดนั้น อยู่ที่นโยบายภาครัฐในอนาคต”
เงินจาก กสทช. เงินจากกระทรวงศึกษาธิการ ภาครัฐจะใช้ให้เกิดประโยชน์ ทางด้านกระทรวงศึกษาธิการ ระบบการศึกษาต้องเข้าถึงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขีดความสามารถเรามีอยู่แล้ว เครื่องมือสำคัญคือ “การศึกษาออนไลน์” ที่ไม่ใช่เพียงความฝันแล้ว เกิดขึ้นจริงประสบความสำเร็จด้วยในหลายประเทศ นโยบายในระดับชาติจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เราจะทำให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาได้ในระดับ 90-100% ทางพรรคของเรามีทีมที่ครบทุกมิติ เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา เทคโนโลยีถึงจุดแล้วทุกที่ ทุกเวลา ทุกคน นี่คือคำตอบที่แท้จริง
ใช้เทคโนโลยียกระดับ และปรับหลักสูตรให้รองรับ
ดร.กมล รอดคล้าย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา กล่าวว่า ในอดีตเรามีการเรียนผ่านวิทยุ ผ่านโทรทัศน์ดาวเทียม ซึ่งเป็นการเรียนทางเดียว ไม่มีการตอบโต้กัน แต่หากเป็นการเรียนออนไลน์ เพียงแค่เปิดเว็บไซต์สามารถเรียนที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ประเทศไทยมีความพร้อมอยู่แล้วเพียงแต่ไม่มีการนำมาจัดการอย่างจริงจัง ซึ่งการนำระบบออนไลน์เข้ามายกระดับตรงนี้ ไม่ใช่การลบล้างระบบเก่า แต่เป็นการเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป ปัจจุบันการเรียนออนไลน์ก็มีมากขึ้นแล้ว ทั้งในและต่างประเทศ เราต้องคำนึงถึง หลักสูตรเราจะมีหลักสูตรขั้นพื้นฐานให้ครบ เทคโนโลยีการศึกษาต้องสามารถใช้เลขบัตรประชาชนลงทะเบียนได้เลย การสอบต้องสแกนลายนิ้วมือ-ม่านตา เพื่อป้องกันได้ และระบบการสอบ การเข้าห้องแล็บ มีระบบอาจารย์ที่ปรึกษา
รวมถึงกฎหมายการจัดตั้งสถาบันองค์ความรู้แห่งชาติ โดยใช้บิ๊กดาต้าเข้ามาจัดการข้อมูลซ้ำซ้อนกัน ต้องมีการรับรองหลักสูตร ระบบการสะสมการเรียน(Credit Bank) ให้สามารถเรียนต่อได้ตลอดเวลา เชื่อมโยงคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อที่จะรับเงินเดือนมากขึ้น จะทำให้งบประมาณการศึกษาลดไปกว่าครึ่ง
ซึ่งมีการทิ้งทายไว้ว่า “หากพรรคภูมิใจไทยจะใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็ยินดีที่จะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนของพรรค”
ทำไมต้องเรียนฟรี กับสิ่งที่ไม่มีคุณภาพ
นายอณุสรณ์ ศิวะกุล เปิดเผยว่า หากทำนโยบายนี้ได้จริงจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเด็กไทย ด้วยงบประมาณที่ลดลง เพียงแต่สร้างจิตสำนึกให้คนไทยอยากเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ จูงใจเขาด้วยคอนเทนต์คุณภาพในระบบ ต้องเป็นมิติใหม่ของการศึกษาที่ไร้กรอบ หากทำได้คุณภาพจริง จะเป็นการเรียนที่คนยอมจ่ายเงิน เริ่มต้นอาจทำไม่ได้ทั้งหมดทั้งระบบ แต่จะทำได้บ้างบางส่วนก่อน เพราะเราสามารถระดมนักวิชาการมาช่วยกันพัฒนาได้ง่ายมากๆ แพลตฟอร์มรูปแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงแล้ว กลุ่มกวดวิชาบางส่วนได้ทำไปแล้ว เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ ออกกฎหมายเอื้อหรือไม่ เมื่อทำระบบให้มีคุณภาพก็จะเกิดการแข่งขัน โครงการแบบนี้จะได้เกิดขึ้น
การเรียนนอกระบบไม่ได้เกี่ยวข้องกับชั่วโมงของการเรียน แต่เกี่ยวกับคอนเทนต์เนื้อหาหลักสูตร ให้เด็กโฟกัสตนเองว่าอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร แล้วพัฒนาเขาให้ตรงกับจุดนั้นๆ
บุฟเฟ่ต์การศึกษา ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.เติมชัย ธรรมลักษมี กล่าวว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากทำให้คนมีความรู้ คนก็จะไม่อดอยาก ส่วนเรื่องความกังวลว่าเด็กจะตั้งใจเรียนหรือไม่นั้น ก็มีการทำแบบทดสอบก่อนเรียน(Pre-Test) แบบทดสอบหลังเรียน(Post-Test) แล้วทำเนื้อหาให้น่าสนใจเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะการเรียนออนไลน์ต้องให้เขาอยากเรียนด้วยใจ เขาทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจะให้เรียนก็ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ฉะนั้นเราต้องมาเติมเต็มให้กับนักเรียนที่ทำงานแล้ว รวมถึงวิชาชีพ
“อยากให้มีบุฟเฟ่ต์การศึกษา เพราะในอนาคตเรียนเพื่อใบประกาศจะไม่มีผลอีกแล้ว ในเมื่อนักเรียนของเราสามารถเข้ามาเรียนตอนไหนก็ได้ ต้องทำให้การเรียนเป็นแบบเซเว่นอีเลฟเว่น ได้ทุกที่และ24ชั่วโมง”
เรียนออนไลน์เราเป็นผู้กำหนด
ดร.ธีรดา หลงศิริ กล่าวว่า การเรียนในรูปแบบออนไลน์นั้นเราสามารถเลือกได้เลยว่าอยากเรียนอะไร ก็เพียงเสิร์ชอินเทอร์เน็ต เรามีสิทธิที่จะเลือกเรียน รวมถึงคอร์สเรียนออนไลน์ส่วนใหญ่มักจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าครึ่งราคา นอกจากสถาบัน สไตล์ในการสอน คือหลักสูตรที่ตอบโจทย์ของเราให้ไปถึงเป้าหมายได้หรือไม่ ทุกอย่างเราสามารถเป็นคนกำหนดได้
ข้อดีของการเรียนออนไลน์คือเราเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ช่วงนี้เราเหนื่อยก็พักก่อน ค่อยๆเก็บครั้งละ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้มีสมาธิอย่างเต็มที่ แล้วเรียนให้ได้เต็มกับประสิทธิภาพ อีกส่วนหนึ่งคือการลดค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ ที่พัก ค่าเดินทาง และยังสามารถย้อนกลับไปดูได้ตลอดเวลา
TSU ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน
นายสุพรธรรม มงคลสวัสดิ์ กล่าวว่า การศึกษาแบบนี้จะเป็นการลดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชนได้ทางตรง มีคนพิการอยู่เพียง 15% ที่มีงานทำ การเรียนตรงนี้สำหรับคนพิการต้องเริ่มตั้งแต่พื้นฐาน ตอบโจทย์ตั้งแต่แรกพบความพิการตลาดชีวิต เพื่อให้ คนพิการ 84% ที่ได้เรียนเพียงแค่ประถมอ่านออกเขียนได้ มีทักษะอาชีพ TSU(Thailand Sharing University) ต้องมีโค้ชที่คอยดูแลกลุ่มคนพิการให้เขาสามารถใช้ระบบออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างคนพิการที่เป็น นักคิด นักปฎิบัติ
เรามีศูนย์การศึกษาพิเศษสำหรับดูแลเรื่องคนพิการทั่วประเทศ เราสามารถใช้กลไกแบบนี้ลงไปได้ทันที สร้างเครือข่ายร่วมกับองค์กรส่วนท้องถิ่น การที่พรรคหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นการทำเพื่อสังคมอย่างแท้จริง นี่คือการลดความเหลื่อมล้ำ แต่ออนไลน์ไม่ใช่สูตรสำเร็จ เพียงแต่เข้ามาเป็นตัวช่วย ให้เข้าสู่คุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: