หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองเทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยการยกระดับคุณภาพชีวิต แต่ต้องยกระดับการเมืองก่อน ให้เป็นการแข่งขันเพื่อเกิดการพัฒนา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในการปาฐกถาพิเศษเปิดตัวโครงการ “GovTech Mission : One Nation, One Mission – ยกระดับประเทศไทย” ในหัวข้อ “ผลกระทบจากนวัตกรรมและเทคโนโลยี กับการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระดับนโยบาย” ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง การขยายการค้า เปลี่ยนเทคโนโลยี เปลี่ยนโครงสร้าง เราต้องมองว่าเป็นโอกาส ต้องไม่มองว่าเราถูกบังคับให้เปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่ที่ช้าที่สุดคือภาครัฐ และการเมือง
ก่อนจะทำสิ่งอื่น ต้องยกระดับการเมืองก่อน ถ้ามัวแต่นับหัว ส.ส. หรือใครจะจับมือกับใครจัดตั้งรัฐบาล ก็จะไม่สามารถพัฒนาได้ ต้องเป็นการถกเถียงกันในเรื่องวิสัยทัศน์ การแข่งขันทางความคิด ตราบเท่าที่การเมืองเป็นเรื่องของคนนั้นฝ่ายนี้ ก็หลีกเลี่ยงความขัดแย้งไม่ได้ ซึ่งจะลุกลามบานปลาย
การปรับตัวจะมีอยู่ 2 เรื่องสำคัญด้วยกันคือ 1.การแข่งขันทางความคิด เราจะต้องทำให้เป็นวาระสำคัญของประเทศ 2.เทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยน เราต้องนำมาใช้สร้างความเปลี่ยนแปลงของภาครัฐให้ได้ ข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย ข้อบังคับ จะเปิดให้ทุกคนสามารถใช้ในการพัฒนาต่อยอดได้
สิ่งสำคัญที่สุดในยุคนี้คือข้อมูล และคนที่มีข้อมูลมากสุดในสังคมนี้คือภาครัฐ แต่คนที่ถือข้อมูลกลับนำมาใช้ประโยชน์ได้น้อยที่สุด วันนี้กลับเป็นทางภาคเอกชนกำลังมุ่งมาทำงานดีๆเพื่อสังคม แต่เขาไม่ได้มาทำสังคมสงเคราะห์ เพียงแต่ทำแบบธุรกิจ แล้วมีการช่วยเหลือสังคมที่ได้คุณภาพ
หากเราแตะไปตรงไหนในสังคม เทคโนโลยีก็สามารถเข้ามาใช้ได้ การศึกษา และสาธารณสุขเป็นจุดที่เหมาะสม เพราะที่ผ่านมาเรามุ่งไปแต่การขยายโอกาสและงบประมาณ เรียนฟรี รักษาฟรี แต่สังคมมาถึงจุดที่ต้องการเรื่องของ ‘คุณภาพ’ รูปแบบในอดีตไม่ได้ตอบโจทย์อีกแล้ว สถาบันการศึกษาต้องเปลี่ยนจากการให้ความรู้ มาเป็นให้ทักษะ เมื่อเขาหลุดจากระบบการศึกษาแล้วสามารถเพิ่มพูนความรู้ของตนเองได้
สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถทำได้เลยถ้าขาดเทคโนโลยี ตัวที่จะช่วยให้เราทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ให้มีความเป็นไปได้แล้ว โครงการรักษาฟรี ประกันสุขภาพถ้วนหน้ากันแล้ว แต่ปัญหาการรอคิวนาน ผู้ป่วยติดเตียง สารพัดปัญหาที่รอการแก้ไข
การทำงานระหว่างหน่วยงานเอกชน ปัจจุบันก็ยังต้องอยู่ภายใต้ส่วนงานราชการ แต่ความจริงคือต้องรื้อโครงสร้างการทำงานของภาครัฐ เช่น จำนวนกรม กระทรวง ข้อบังคับ ใบอนุญาต ต้องเปิดพื้นที่ให้เขาได้คิด สถาบันนี้จึงเป็นจุดสำคัญ และต้องมีรัฐบาลที่พร้อมเข้าใจและนำไปพัฒนาต่อยอด ตรงนี้จึงเป็นการยกระดับที่แท้จริง
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ได้กล่าวเสริมว่า “การปรองดองไม่ใช่การเมืองสิ่งที่ทุกพรรคมาเห็นด้วยกันทุกอย่าง แต่เป็นการแข่งขันทางความคิด”
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: