เทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญที่จะลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ภาครัฐจึงต้องปรับทัศนคติต่อการใช้เทคโนโลยี ความต้องการเข้าถึงบริการของประชาชนจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนา
งานเสวนาเปิดตัวโครงการ “GovTech Mission : One Nation, One Mission – ยกระดับประเทศไทย” ในหัวข้อ “Living in the disruptive world”
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย กล่าวว่า การเข้ามาปรับเปลี่ยนของเทคโนโลยี ถือเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนสังคม หากเราไม่ปรับตัว ก็จะเป็นการเสียโอกาส ซึ่งภาครัฐ กับ ภาคการเมืองของไทยในปัจจุบันยังไม่เปลี่ยนตรงนี้ แต่อย่างไรก็ตามความคาดหวังของประชาชน ที่จะเข้าถึงบริการมีสูงขึ้นอยู่แล้ว จะไปจำกัดความสะดวกของประชาชนไม่ได้
หากภาครัฐไม่ปรับทัศนคติของตัวเอง ก็จะเกิดปัญหาในสังคม กับธุรกิจนอกระบบ อย่าง Grab Uber เป็นบริการที่ประชาชนต้องการ แต่ยังไม่สามารถเข้ามาในระบบได้ ฉะนั้นการเข้าถึงงาน เข้าถึงโอกาส รัฐต้องเปิดงาน เปิดโอกาสให้เขา เพราะจะเป็นกุญแจที่ทำให้สตาร์ทอัพพัฒนา
นายกรณ์ มองว่าเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเข้าช่วยลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะสายการเงินในระบบ ที่เปิดให้คนเข้าถึงโอกาสการกู้ยืมได้ง่ายมากขึ้น ก็ถือเป็นการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำไปด้วย
โอกาสของธุรกิจสตาร์ทอัพจะมีอยู่เยอะมาก ถ้าหากมีการเชื่อมโยงกับภาครัฐได้ ด้วยลักษณะธุรกิจสามารถตอบโจทย์ประชาชนพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้
ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(NIA) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนไทยมีความเก่งมาก มีความสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก อย่างในภาคตลาดทุนไทย เราเป็นอันดับท็อป 10 ของโลก แต่ในภาค VC(venture capital) การระดมเงินทุน เราอยู่อันดับเจ็ดสิบกว่า ซึ่งไม่สามารถทำให้มีการพัฒนาสตาร์ทอัพได้เต็มที่
เทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยให้คนเข้าถึงบริการสาธารณะได้มากขึ้น หลายๆกรณีเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดคนชั้นกลางมากขึ้น ทำให้มีความต้องการมากขึ้น เมื่อเราเสพเทคโนโลยีไปแล้ว จะทำให้เปลี่ยนวิถีชีวิต แม้ขาหนึ่งคือการลดความเหลื่อมล้ำในลักษณะหนึ่ง แต่จะเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ เนื่องจากนวัตกรรมหยุดพัฒนาไม่ได้ เราจึงปฎิเสธเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้
สำหรับโครงการ “GovTech Mission: One Nation, One Mission – ยกระดับประเทศไทย” เป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ Startup ไทย ที่มีความมุ่งมั่นและมีความคิดสร้างสรรค์จากทั่วประเทศ มานำเสนอออกแบบแนวคิดและแผนงานที่ผสมผสานกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา (EdTech) และด้านสาธารณสุข (HealthTech) เพื่อการพัฒนาประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพและโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาและสาธารณสุขไทย และช่วยยกระดับอนาคตประเทศไทย พร้อมชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท
โดยในระหว่างดำเนินโครงการจะมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ อาทิ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง นักธุรกิจ และกลุ่มทุน (Venture Capital) ร่วมให้คำแนะนำและตั้งคำถามแก่ผู้เข้าแข่งขัน เพื่อให้ผู้แข่งขันสามารถออกแบบแนวคิดและแผนงานได้อย่างตรงเป้าหมาย ซึ่งผลงานที่น่าสนใจจะได้รับการผลักดันเพื่อยกระดับ (Scale up) ให้สามารถนำไปต่อยอด และพร้อมสำหรับการส่งต่อให้เป็นนโยบายระดับประเทศ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: