กลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มประชาชนที่ไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน ซึ่งจะมีบทบาทต่อการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก ทำให้หลากหลายพรรคการเมืองต่างชูนโยบายใหม่ ทั้งการใช้เทคโนโลยี การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อชิงฐานเสียงคนรุ่นใหม่
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดเสวนาจับตาการเลือกตั้ง ครั้งที่ 1 ในหัวข้อ “Gen Y กับการเลือกตั้ง 2562” แลกเปลี่ยนและระดมความเห็นจากคน Gen Y และนักวิชาการรุ่นใหม่เกี่ยวกับแนวโน้ม นโยบาย ความคาดหวัง ในการขับเคลื่อนประเทศ ทัศนคติต่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ ทีมข่าว 77 ข่าวเด็ด จึงสรุปสาระสำคัญมาให้ติดตามกันดังนี้
ประกันรายได้ กระจายอำนาจให้สุดทาง
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เรื่องเศรษฐกิจ เราอยากเห็นคนไทยทุกคนได้รับประกันรายได้ ไม่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง เพราะคนใน Gen x Gen Y ตกงานเร็วกว่าเจนอื่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Ai) หุ่นยนต์(Robot) ทุกอย่างเข้ามาแล้ว สิ่งเหล่านี้ดูเร็วมากขึ้น
ในโลกใบนี้มีเส้นที่ขีดไว้ทั่วโลก คือ เส้นรายได้มาตรฐานทั่วโลก เราจะทำประกันรายได้คนยากไร้ โดยให้เรายื่นข้อมูลมาเลย มีลูกกี่คน เลี้ยงพ่อแม่อย่างไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร แล้วขีดเส้นหนึ่งเส้นมาเป็นเกณฑ์เลย เพราะมีค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทคุณก็อยู่ไม่ได้ ฉะนั้นเราจะมีการประกันรายได้ค่าแรง ให้เป็นรัฐสวัสดิการแท้จริง เพราะการตกงานใกล้กว่าที่คุณคิด
“เรามีการกระจายอำนาจที่ห่วยมาก มี อบต. อบจ. งบอยู่ 2 ล้านต่อปี ทำได้แค่ ซื้อธงชาติ กรอบรูป และเผาขยะ ไม่สามารถทำอะไรเพิ่มได้เลย เราจึงต้องเปลี่ยนรูปแบบตรงนี้ ที่เป็นการกระจายอำนาจแบบไม่สุดทาง”
ประชานิยมคือการบริจาค แต่รัฐสวัสดิการต้องรู้ข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน ว่าเขาอยู่ในแบบไหน ระดับไหน เป็นข้อมูลให้เข้าไปแก้ไขได้ ไม่ว่าจะการตกงาน การคืนภาษี การประกันรายได้ของคนแต่ละกลุ่ม
เทคโนโลยี กุญแจแก้ปัญหาประเทศ
นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ตัวแทนจากพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า เทคโนโลยี พัฒนาไปมากแล้ว การแก้ไขกฎหมายสำคัญๆ ที่ก้าวทันต่อเทคโนโลยี เราต้องใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม คนขายของออนไลน์ ทำอย่างไรให้คนไทยขายไปหาผู้บริโภคทั่วโลกได้เลย ฉะนั้นกฎหมายต้องแก้ไข และประชาชนต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
เราต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาแก้ไขปัญหาในทุกนโยบาย เพราะเทคโนโลยีไม่เคยโกง ไม่เคยรับเงินใต้โต๊ะ
แบ่งเบาภาระ ให้ได้ต่อยอดอาชีพ
นายสุรชาติ เทียนทอง ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย บอกว่า การช่วยเหลือคนจนเป็นเรื่องจำเป็น ประชากรในกรุงเทพฯ มีเกือบ 10 ล้านคน ซึ่งมีประชากรแฝงอีกมาก วันหนึ่งที่เขาเดินออกไปนอกบ้าน เขายังไม่รู้ว่าจะมีรายได้หรือไม่ แต่ ทุกครั้งที่เดินออกไปเขามีรายจ่าย
ส่วนใหญ่ประชากรแฝงในกรุงเทพฯ เป็นลูกหลานเกษตรกร ฉะนั้นทำอย่างไรให้เขากลับบ้านถิ่น ไปต่อยอดเป็น ผู้ประกอบการด้านเกษตรที่ถูกพัฒนา
การสร้างโอกาส เราต้องทำให้ประชาชนทุกส่วนทุกเจน โดยเฉพาะ Gen Y เป็นวัยกลางคนที่แบกรับภาระสูง ทั้งเลี้ยงพ่อแม่ และเริ่มมีครอบครัว ฉะนั้นเราต้องทำให้เขาเบาตัวก่อน เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค สวัสดิการช่วยเหลือต่างๆต้องทั่วถึง
ปลดล็อกระบบเดิม แก้ให้ถึงโครงสร้าง
นางสาวพรรณิการ์ วานิช ตัวแทนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า หากเราพูดถึง Gen Y กลุ่มคนวัย 20-40 ปี เขาเป็นวัยทำงาน ทำไมเขาสนใจเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง เนื่องจากมันเกี่ยวเนื่องกับชีวิตของเขา เขาอยากเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เศรษฐกิจพัฒนาจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเขา
ทางพรรคอนาคตใหม่มองว่าการพัฒนาต้องแก้ความเหลื่อมล้ำไปด้วย เอาศักยภาพของคนทุกคนมาร่วมกันพัฒนาประเทศ โดย “ปลดล็อกการเมือง ยุติการรัฐประหารทุก 6 ปี ยุติการฉีกรัฐธรรมนูญทุก 4 ปี เพราะไม่มีประเทศไหนพัฒนาได้ท่ามกลางสภาพแบบนี้ และปลดล็อกเศรษฐกิจที่กระจุกอยู่กับนายทุนเท่านั้น”
เราต้องมีนโยบายที่พลิกประเทศ แก้ถึงโครงสร้าง อย่างฐานภาษี ต้องแก้ไขใหม่ ไม่ใช่ให้คนกลุ่มหนึ่ง
รวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อให้พัฒนาต่อได้
นางวทันยา วงษ์โอภาสี ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การเมืองรูปแบบใหม่เราต้องเป็น Power of Thailand รักกันร่วมมือร่วมใจกัน เหมือนเหตุการณ์ 13 หมูป่า ติดถ้ำที่เขานางนอน ทุกคนในชาติร่วมใจกัน จุดเด่นของคน Gen Y ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ส่วนหนึ่งต้องมีแผนการพัฒนา เช่น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สิ่งสำคัญคือเราต้องเริ่มปักธงและนำพาประเทศไปสู่จุดนั้น
“กฎหมายบนโลกใบนี้ ไม่มีกฎหมายไหนถูกต้องต่อการพัฒนาทั้งหมด แต่ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อได้”
เรื่องของการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็เป็นอีกเรื่องที่ทุกพรรคให้ความสำคัญ แต่เราต้องไปดูที่โครงสร้างพื้นฐานของระบบก่อน เพราะล่าสุดอย่างอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล ที่มีการคืนคลื่นเพื่อมาพัฒนาเทคโนโลยี 5G ตรงนี้เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดก่อน ไม่งั้นเทคโนโลยีที่สำคัญก็ไม่สามารถพัฒนาได้
ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน
นายภราดร ปริศนานันทกุล ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคของเราต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาการเมืองแบบเดิม ที่มีการแบ่งฝ่าย มีความขัดแย้ง ทุกพรรคเห็นไปทางเดียวกันหมดว่าเราไม่อยากได้ระบบเดิมๆ ผลสำรวจทางการเมืองก็ชี้อยู่แล้ว ทุกคนเห็นไปทางเดียวกัน คนเขาเบื่อแล้วการเมืองแบบเดิม เราต้องมองข้ามแล้ว
โดยเราต้องลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน กระจายรายได้ไป แล้วใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามายกระดับสังคม
ด้าน ผศ.ดร.ติญทรรศ ประทีปพรณรงค์ รักษาราชการแทนรองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ มองว่า Gen Y เขากำลังเปลี่ยนรูปแบบของโลกนี้อยู่ หลายๆประเทศที่รัฐมนตรี มี นายกฯ อายุน้อยๆ เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการเมืองไป ต้องทำให้คนรุ่นใหม่เชื่อมั่น ด้วยแนวคิดที่สดใหม่(Fresh) เพราะทุกวันนี้คนรุ่นใหม่เขาเบื่อการเมืองไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขการเมืองได้
“ความศรัทธาทางการเมืองยังเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะ GenY เขาต้องมีส่วนร่วมทางการเมืองในระยะยาว สร้างการมีส่วนร่วม สร้างแพลตฟอร์ม”
ผศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก รักษาราชการแทนรองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ เผยว่า พฤติกรรมของคน Gen Y ทั่วโลก ที่มีพฤติกรรมค่อนข้างแตกต่างจากคน Gen อื่นๆ มีนิสัยจ่ายได้เร็ว ใช้จ่ายได้สูงมาก สถาบันการศึกษาต้องตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ต้องมีความรู้ทักษะที่ทันต่อยุคสมัย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: