หนองคาย – ทนายความเมืองหนองคาย ผันตัวจากทำสวนยางพาราตกต่ำ หันปลูกอินทผลัม 20 ไร่ 350 ต้น ผลผลิตเต็มร้อย ผลดก รสชาติดี เปิดสวนให้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร พร้อมขายออนไลน์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. 63 ที่สวนอินทผลัมของนายวิทยา กลางรักษ์ บ้านนาไหม ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นางวัชรินทร์ จิตรวิเศษ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย, นายเตชิต ทรงบุญศาสตร์ นายอำเภอสระใคร พร้อมหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ได้ร่วมกันเปิดสวนอินทผลัมของนายวิทยา กลางรักษ์ เยี่ยมชมสวนและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กลับบ้านด้วย
นายวิทยา กลางรักษ์ ทนายความในจังหวัดหนองคาย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำการปลูกยางพาราในพื้นที่ อ.สระใคร และขณะนี้หันมาปลูกอินทผลัมในพื้นที่สวนใกล้กัน กล่าวว่า หลังจากที่ยางพาราราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จึงคิดหาพืชชนิดอื่นปลูกเพื่อให้มีรายได้ทดแทน ประกอบกับมีเพื่อนปลูกอินทผลัมที่ จ.กาญจนบุรี เลยติดต่อข้อมูลและตัดสินใจปลูกอินทผลัมบนพื้นที่ 20 ไร่ ใช้อินทผลัมพันธุ์บาฮีเนื้อเยื่อ สั่งจากแล็บในประเทศอังกฤษมาปลูก ทั้งหมด 350 ต้น ปลูกมาแล้ว 3 ปี ปีนี้สามารถเก็บผลผลิตได้ทั้งหมดทุกต้น ซึ่งอินทผลัมเป็นพืชที่เหมาะกับภาคอีสาน เพราะชอบอากาศร้อน ที่สำคัญต้องมีน้ำ ให้น้ำทุก 3 วัน และให้ปุ๋ยสม่ำเสมอ ระมัดระวังศัตรูพืชที่สำคัญคือมดคันไฟ และเพลี้ย หากบำรุงรักษาดีอย่างสม่ำเสมอ อินทผลัม 1 ต้น จะมีอายุยืนถึง 80 ปี สามารถเก็บผลผลิตได้ ปีละครั้ง เฉลี่ยอินทผลัม 1 ต้น จะขายผลได้ต้นละ 16,000 บาท
อินทผลัม ที่ปลูกไว้ แต่ละต้นจะมีประมาณ 8-10 ทลาย ๆ ละ ประมาณ 3-6 ก.ก. ซึ่งตัดขายทั้งแบบยกทลาย ก.ก.ละ 400 บาท หรือขายเป็น ก.ก.ละ 450 บาท หลังจากเปิดเป็นสวนเกษตรเชิงท่องเที่ยวแล้ว ได้มีเพื่อนมาเที่ยว ถ่ายรูปลงโซเชียล และเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ทำให้แต่ละวันมีคนมาเที่ยวที่สวนอย่างต่อเนื่อง สามารถขายผลผลิตได้ทุกวัน มียอดจองอินทผลัมแล้วจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ที่สวนยังปลูกทุเรียน และมะยงชิดเสริมกันไว้ด้วย
ด้านนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีที่มีภาคเอกชนตั้งใจทำการเกษตรและเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร สำหรับผู้ที่สนใจจะปลูกหรือศึกษาหาความรู้ สามารถมาเรียนรู้ได้ และจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดูว่าสามารถสนับสนุนในเรื่องใดได้บ้าง ซึ่งอินทผลัมเป็นพืชเศรษฐกิจที่เหมาะจะปลูกในพื้นที่จังหวัดหนองคาย.
………………………..
