30 มิ.ย.66 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปักหมุดเปิดกิจกรรมส่งเสริมการนำไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ณ วิสาหกิจชุมชนสวนยางกลางนา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท จัดอบรมให้ความรู้ข้อกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ การจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ สาธิตวิธีการประเมินมูลค่าต้นไม้โดยใช้ Application Tree Bank และหัวข้อเรื่องคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ซื้อขายกันอย่างไร
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าสร้างความรู้ให้เกษตรกรจังหวัดชัยนาท ปลูกไม้ยืนต้นสร้างเครดิตให้ตนเองและครอบครัว อนาคตจับมือสถาบันการเงินใช้เป็นหลักประกันขอสินเชื่อต่อยอดขยายกิจการหรือลงทุนทำธุรกิจ พร้อมเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้คนในท้องถิ่นสร้างรายได้จากต้นไม้ที่ปลูก ผลิตคาร์บอนเครดิตส่งขายในตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต รับเทรนด์ธุรกิจโลกที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงผลประโยชน์และรับผิดชอบต่อส่วนรวมควบคู่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ชดเชยการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก เชื่อ..หากคาร์บอนเครดิตได้รับการผลักดันให้เป็นหลักประกันทางธุรกิจชนิดใหม่ จะสร้างคุณค่าการใช้ประโยชน์ที่ดินของเกษตรกร ประชาชน และประเทศชาติอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่กฎหมายหลักประกันธุรกิจได้เพิ่ม ‘ไม้ยืนต้น’ เป็นทรัพย์ประเภทหนึ่งที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบันมีเกษตรกรและประชาชนนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว แล้ว จำนวน 146,866 ต้น วงเงินค้ำประกัน 138,096,039.02 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2566) ครอบคลุมพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ร้อยเอ็ด ศรีษะเกษ สกลนคร บุรีรัมย์ สุพรรณบุรี อุทัยธานี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงต้องเร่งสร้างความรู้และส่งเสริมให้เกษตรกร/ประชาชนปลูกไม้ยืนต้นที่มีค่าบนที่ดินของตนเองมากขึ้น รวมทั้ง สร้างความเข้าใจในรายละเอียดและวัตถุประสงค์หลักของกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ โดยหากเกษตรกรต้องการใช้เงินลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจ ขยายกิจการ หรือ ดำรงชีวิตประจำวัน ก็สามารถนำไม้ยืนต้นที่ปลูกมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ ทำให้เกษตรกรและประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ส่งผลให้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างแท้จริง
ไม้ยืนต้นที่เกษตรกรปลูก นอกจากจะนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้แล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากออกซิเจนที่ต้นไม้ผลิตออกมา ช่วยลดภาวะก๊าซเรือนกระจกของภาคการผลิตและขนส่ง หรือที่เรียกว่า คาร์บอนเครดิต โดยการผลิตคาร์บอนเครดิตส่งขายในตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต เป็นเทรนด์ธุรกิจโลกที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อเกษตรกรผู้ปลูกไม้ยืนต้นและขายคาร์บอนเครดิต ภาคเอกชนต้องใส่ใจและให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมโดยชดเชยภาคการผลิตที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต และภาครัฐที่บรรลุถึงนโยบายสำคัญตามที่ได้กำหนดไว้นำพาประเทศสู่ความเจริญที่ยั่งยืน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: