X

ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกชัยนาท วอนปลดล็อกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองเพื่อให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจ

21 ส.ค.67  ที่ JM Farm ฟาร์มนกกรงหัวจุกแฟนซี ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท  มีการเพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกแฟนซี เข้าปีที่ 12 จากจุดเริ่มต้น 2 คู่ ปัจจุบันมีกรงผสม 350 กรงผสม ติดกล้องวงจรปิดทุกกรง มีนกในฟาร์มกว่า 2,000 ตัว ถือเป็นแหล่งเรียนรู้และขยายพันธุ์นกกรงหัวจุกขนาดใหญ่ลำดับต้นๆของประเทศ ได้แบ่งปันสายพันธุ์นกกรงหัวจุกแฟนซีไปเพาะพันธุ์สร้างอาชีพให้ผู้สนใจทั่วประเทศ  วอนรัฐบาลพิจารณาปลดล็อกนกกรงหัวจุกออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชน

นายกิตติเดช แสงเจริญ  เจ้าของฟาร์มนกกรงหัวจุก JM Farm จังหวัดชัยนาท กล่าวว่า    สาเหตุที่กลุ่มผู้เพาะพันธุ์นกกรงหัวจุก อยากให้รัฐบาลถอด หรือปลดล็อก นกกรงหัวจุกออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง เพราะพวกเรามีขั้นตอนในการขออนุญาต ไม่ว่าจะเป็นการเพาะพันธุ์  ครอบครอง และ การค้า มันค่อนข้างยุ่งยากด้วยข้อกฎหมายมีบีบบังคับหลายอย่าง ทำให้กลุ่มผู้เลี้ยงไม่สามารถไปต่อได้   อย่างเช่น มีชาวต่างชาติต้องการจะซื้อนกของเรา ก็ไม่สามารถส่งได้ ด้วยข้อกฎหมายเราไม่สามารถส่งออกต่างประเทศได้  อีกอย่างมีคนจะเข้ามาซื้อนกกรงหัวจุก พอรู้ว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองไม่กล้าซื้อเลย เพราะกลัวเรื่องกฎหมาย  กลัวต้องไปขอครอบครอง ขอค้า  กลัวเลี้ยงแล้วโดยจับ นี่คือความยากลำบากของพวกเรา  ถ้าปลดล็อกเมื่อไร มีการเลี้ยงแบบเสรีเมื่อไร จะทำให้มีคนมาเลี้ยงนกกันเยอะ เราก็สามารถส่งนกขายต่างประเทศได้อย่างสะดวก จึงอยากวอนให้รัฐบาลปลดล็อกและส่งเสริมให้นกกรงหัวจุกเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ชาวบ้านจะได้เลี้ยงและเพาะพันธุ์ขายนกกรงหัวจุกให้เป็นอาชีพหลักให้กับครอบครัว

ด้าน นายพุฒิธร วรรณกิจ นายกสมาคมอนุรักษ์เพาะพันธุ์นกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้นกกรงหัวจุกกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง สมาคมฯมีภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ผ่านชมรม 3 ชมรม หลักๆคือ นกกรงหัวจุกนับดอกแห่งประเทศไทย นกกรงหัวจุกเสียงทองแห่งประเทศไทย และนกกรงหัวจุกแฟนซีแห่งประเทศไทย  รวมทั้งเครือข่ายชมรมที่ขึ้นตรงกับสมาคมในทุกจังหวัด ขณะนี้กำลังเดินหน้าต่อสู้ขอให้ถอดหรือปลดล็อกนกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุกออกจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทนกลำดับที่ 580 เพราะเล็งเห็นว่านกกรงหัวจุกสามารถเป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศได้  ทั้งเรื่องของการท่องเที่ยว จากการซื้อขายตัวนก ปัจจุบันกฎหมายรุนแรงซึ่งมีมาหลายสิบปีแล้ว สร้างความความเกลียดชัง  กฎหมายนี้ถือว่าผู้ครอบครองนกเป็นผู้ล่า  อีกทั้งก่อให้เกิดการคอรัปชั่นทุกขั้นตอน  จากข้อมูลมีการเลี้ยงนกมาเกือบ 200 ปี ปัจจุบันแทบไม่มีที่จะนำนกจากป่าหรือธรรมชาติมาเลี้ยง เรามีการเพาะพันธุ์แล้วนำไปแข่งขันนำเงินตราเข้าประเทศ  ตอนนี้เราซื้อขายกันแบบใต้ดินจากต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม  อย่างเวียดนามเขาไม่ผิดกฎหมาย  ถ้าเรายังช้าอยู่จะโดนเวียดนามแซง ปัจจุบันเวียดนามซื้อนกของเราไปต่อยอดเพราะบ้านเขาถูกกฎหมาย  และจะทำให้ต่างประเทศบินไปเวียดนามไม่บินมาไทยเรา  หวังว่าในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้จะมีความชัดเจน

 

ขอวอนให้คณะกรรมการสัตว์ป่า สัตว์สงวนแห่งชาติ เล็งเห็นถึงความต้องการ ความเดือดร้อนของชาวบ้าน เราต่อสู้มากว่า 30 ปี  ปีนี้มีผู้หลักผู้ใหญ่อยากให้คณะกรรมการฯ ที่จะพิจารณาขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เล็งเห็นว่าชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ โดยเฉพาะกฎหมายที่เป็นบทลงโทษ หรือการส่งเสริมการเพาะพันธุ์ลำบากไปหมด อยากให้เล็งเห็นปากท้องของชาวบ้าน วิถีชีวิต อัตลักษณ์ของชุมชน  เราอยากให้นกกรงหัวจุกเป็นนกคู่บ้าน  คู่เมือง เราอยากให้นกกรงหัวจุกเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยด้วยนกกรงหัวจุกด้วยครับ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน