เช้านี้ชาวกรุงเทพมหานคร หลายคนตื่นมาพร้อมกับค่าฝุ่นควันในอากาศ 2.5 PM ถ้าสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างเมืองเชียงใหม่ ย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมาคงจะเป็นเรื่องปกติ เพราะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนเมษยนของทุกปี ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศจะต้องพบเจอกับ “หมอกควันประจำปี”
สาเหตุที่เรียกว่าหมอกควันประจำปีเนื่องจากเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และหน่วยงานภาครัฐก็ได้ทุ่มงบประมาณทั้งการวิจัย เก็บข้อมูล รวมไปถึงการรณรงค์มากมาย แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าหมอกควันไฟป่าจะจางหายไปตามฤดูกาล วิธีการที่คนในพื้นที่ใช้สังเกตว่าปีไหนหมอกควันจะมาเร็วหรือช้า ให้ดูที่ความหนาวเย็นและความแห้งของอากาศ ยิ่งอากาศหนาวเย็นไวคือถ้าเริ่มหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคมและหนาวจัดก็มักจะสิ้นสุดฤดูหนาวประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ นั่นหมายถึงจะเริ่มได้กลิ่นการเผาไหม้วัสดุจากธรรมชาติลอยตามลมมาแต่ไกลในยามเช้า
แต่ถ้าปีไหนที่โชคดีเช่น ช่วงปี 59-60 เป็นปีที่มี “ฝนหลงฤดู” ความชุ่มชื้นในอากาศมีมาก ประกอบกับการรณรงค์ หยุดเผา 60 วัน ทำให้ระดับค่ามลพิษในอากาศของเมืองเชียงใหม่มีสภาพขึ้นๆ ลงๆ ไม่เลวร้ายมากนัก และท้ายที่สุดจะจางหายไปกับพร้อมกับพายยุฤดูร้อนที่จะเข้ามาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือ “ปี๋ใหม่เมือง”
อย่างไรก็ดีในปี 2561 นี้ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ได้เผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์ 51 วันไม่เผาโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม -20 เมษายน 2561 ต้องรอดูว่าจะได้ผลแค่ไหนในมุมมองของผู้เขียนสิ่งที่จะช่วยให้หยุดการเผาเศษวัสดุจากธรรมชาติได้นั้น ผู้เกี่ยวข้องคงต้องมองในมิติที่รอบด้าน เช่นมุมมองทาง “สังคมวิทยา” ไม่ใช่แต่เพียงเรื่องของการบังคับใช้กฏหมายที่ทำได้แต่เพียงในเขตเมือง แต่สิ่งสำคัญที่เป็นปัจจัยของหมอกควันไฟป่าในภาคเหนือคือวิถีการดำเนินชีวิตในรอบปีของผู้คนที่อยู่ห่างไกลตามป่าตามเขา ตามไหล่ดอยที่สูงชัน รวมถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ สภาพดินฟ้าอากาศ ที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่จะเพิ่มหรือลดปริมาณค่าฝุ่นควันพิษในอากาศ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วเป็นบริบทของหมอกควันไปป่าตามฤดูกาล ที่เป็นไปตามสภาพภูมิศาสตร์และสังคมวิทยาในภาคเหนือตอนบน
ย้อนกลับมาดูค่าของฝุ่นควันพิษในอากาศ ขนาด 2.5 PM ที่กรุงเทพมหานครในเช้านี้ คงต้องตั้งคำถามแล้วว่าเราจะมองปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในบริบทใดเพื่อที่จะหาทางออกร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฝุ่นควันที่ล่องลอยในอากาศไม่ได้เลือกว่ามันจะอยู่เฉพาะพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดมันเท่านั้น หากแต่สามารถกระจายไปได้ทุกที่ตามกระแสลมจะพาไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: