ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยในขณะนี้ ส่งผลให้หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ต้องให้บุคลากรปฏิบัติงานที่บ้าน รวมทั้งสถานศึกษาต้องงดกิจกรรมการเรียนการสอน ในขณะเดียวกันที่ “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี” แม้จะมีการปิดให้บริการชั่วคราวในระหว่างวันที่ 27 มีนาคมถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 บุคลากรขององค์กรยังคงต้องสลับสับเปลี่ยนมาปฏิบัติงานทุกวัน เพื่อดูแลสัตว์ต่างๆ กว่า 131 ชนิด 1,266 ตัว ที่อยู่ในความดูแลของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งในช่วงเวลานี้สมาชิกใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นมากมาย บางชนิดต้องได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด โดยหนึ่งในนั้นคือ “ยิบมัน” ลูกนกฟลามิงโก้ใหญ่ (Greater Flamingo) ที่เพาะขยายพันธุ์ได้ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่เป็นการเกิดตามธรรมธรรมชาติ และได้รับการเลี้ยงดูจากทีมสัตวแพทย์ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
“นายอนุชา ดำรงมณี” กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า การดูแล “ยิบมัน” นั้น เริ่มตั้งแต่อายุ 1 วัน โดยแยกออกมาจากฝูง เพื่อความปลอดภัยจากอันตรายของสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ที่อาจจะออกมาหาอาหารในเวลากลางคืน เนื่องจากพื้นที่ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นพื้นที่ป่า ที่มีสัตว์ตามธรรมชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยได้นำมาเลี้ยงดู ณ โรงพยาบาลสัตว์ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เมื่อ”ยิบมัน” อายุได้ 8 สัปดาห์ ทีมสัตวแพทย์ได้เริ่มฝึกให้คุ้นเคยกับเพื่อนๆในฝูงนกฟลามิงโก้ ซึ่งตามปกติ “ยิบมัน”จะคุ้นเคยกับการอยู่กับมนุษย์มากกว่า และรู้จักชื่อเรียกของตนเอง และสามารถแสดงออกถึงความรัก ความไว้วางใจที่มีให้แก่ผู้เลี้ยง เมื่อผู้เลี้ยงส่งเสียงเรียก เจ้ายิบมันจะวิ่งเข้ามาหาและนั่งลงข้างๆ หรือคลอเคลียด้วยความรัก การฝึกให้อยู่ร่วมกับเพื่อนๆในฝูงนั้นก็เหมือนการไปโรงเรียน โดยทีมสัตวแพทย์ได้รับ-ส่งเจ้ายิบมันไปโรงเรียนทุกวัน เพื่อฝึกให้อยู่ร่วมกับฝูงในทุกๆ เช้า และรับกลับในช่วงเย็น ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับตัวในการอยู่ร่วมกับฝูงนกฟลามิงโก้ใหญ่ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 11 ตัว และได้วางแผนในการปล่อยสมาชิกใหม่นี้เข้าสู่ฝูงเมื่อสามารถปรับตัวได้อย่างคุ้นเคย คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ นับจากนี้ไป
สำหรับ “นกฟลามิงโกใหญ่” นั้น (Greater Flamingo) ชื่อวิทยาศาสตร์ Phoenicopterus roseus เป็นนกฟลามิงโก้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เฉลี่ยสูง 110 – 150 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 2 – 4 กิโลกรัม ขนนกส่วนใหญ่เป็นสีขาวอมชมพู แต่ขนอ่อนของปีกมีสีแดง และขนนกหลักและรองบินเป็นสีดำ ปากเป็นสีชมพู ปลายดำ และขาเป็นสีชมพูทั้งหมด มีเสียงร้องเหมือนห่าน สำหรับลูกนกมีขนปุยสีเทา และอ่อนลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นและมีขาสีเข้ม เมื่อโตขึ้นขนก็จะซีดกว่าเดิม แต่ยังมีขาสีชมพูสดใส พบได้ในบางส่วนของแอฟริกา เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรปตอนใต้ กินกุ้งขนาดเล็ก เมล็ดสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก และหอย เป็นอาหาร มีอายุเฉลี่ย 30 – 40 ปี ภัยคุกคามหลักที่มีต่อนกฟลามิงโกคือแบคทีเรียสารพิษและมลพิษในแหล่งน้ำ และการบุกรุกที่อยู่อาศัย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: