จังหวัดเชียงใหม่ ประกาศห้ามจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันทุกชนิด ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายอำเภอและได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในประกาศจังหวัดเชียงใหม่
“นายรัฐพล นราดิศร” รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดให้มีการจัดงานประเพณียี่เป็งขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรม สืบสานประเพณีไทย โดยมีกิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างหลากหลาย และกิจกรรมที่นิยมของนักท่องเที่ยวส่วนมากในระยะหลายปีนี้ คือ การปล่อยโคมลอย โคมไฟ และโคมควัน (ว่าวฮม) ซึ่งมีการปล่อยโคมในจำนวนมาก ก่อให้เกิดอันตรายต่อการเดินอากาศหรือการปฏิบัติงานของอากาศยาน เขตปลอดภัยในการเดินอากาศของท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหาย เกิดอัคคีภัยแก่บ้านเรือน ชุมชน ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่จึงได้ออกประกาศเรื่องมาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัย การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2559 โดยห้ามมิให้ผู้ใดจุดและปล่อย หรือกระทำการอย่างใด เพื่อให้โคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ขึ้นไปสู่อากาศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากนายอำเภอแห่งท้องที่และได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในประกาศจังหวัดเชียงใหม่ โดยให้กระทำได้ในวันลอยกระทง (กระทงเล็ก) ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทยของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม 2563 โดยอนุญาตให้จุดและปล่อยได้ ในข่วงเวลา 19.00 น. ถึงเวลา 01.00 น. ของวันถัดไปเท่านั้น ยกเว้นเฉพาะการปล่อยโคมควัน (ว่าวฮม) ให้กระทำการจุดและปล่อยได้ เฉพาะช่วงเวลา 10.00 น. ถึงเวลา 12.00 น. และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 (กระทงใหญ่) อนุญาตให้จุดหรือปล่อยได้ เฉพาะเวลา 19.00 น. ถึงเวลา 01.00 น. ของวันถัดไป นอกจากนี้ให้กระทำได้ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในช่วงคืนวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี โดยให้จุดและปล่อย เฉพาะเวลา 19.00 น. ถึงเวลา 01.00 น. ของวันถัดไป ทั้งนี้ต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ โดยยื่นขอรับใบอนุญาตล่วงหน้าก่อนวันจุดและปล่อยไม่น้อยกว่า 15 วัน ตามหลักเกณฑ์ในประกาศจังหวัดเชียงใหม่
ข่าวน่าสนใจ:
ในส่วนของชนิดและขนาดโคมลอย โคมไฟ ตัวโคมต้องมีปริมาตรไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 90 เซนติเมตร สูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร และทำจากวัสดุธรรมชาติ เชื้อเพลิงทำจากกระดาษชุมขี้ผึ้งหรือพาราฟิน น้ำหนักไม่เกิน 55 กรัม ระยะเวลาเผาไหม้ต้องไม่เกิน 8 นาที ยึดติดกับตัวโคมด้วยเชือกทนไฟหรือลวดอ่อนเบอร์ 24 จำนวน 2 เส้น (ตามมาตรฐาน มผช.808/2552) และชนิดขนาดโคมควัน (ว่าวฮม) ทำจากกระดาษว่าว ขนาดกว้างxยาว ไม่เกิน 50×75 เซนติเมตร ใช้ประกอบโคมจำนวนไม่เกิน 72 แผ่น และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษสีเดียวกับท้องฟ้า
สำหรับปีนี้ การพิจารณาอนุญาตของนายอำเภอท้องที่ในเขตปลอดภัยทางเดินอากาศ ให้นำพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ.2562 มาประกอบการพิจารณา โดยห้ามมิให้บุคคลใดจุดและปล่อย หรือกระทำการใดเพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ ซึ่งเป็นการรบกวนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อการเดินอากาศหรือปฏิบัติการของอากาศยาน ภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ในพื้นที่ 5 อำเภอ ดังนี้ 1.อำเภอเมืองเชียงใหม่ ครอบคลุมทุกตำบล จำนวน 16 ตำบล ของจังหวัดเชียงใหม่ 2.อำเภอหางดง ครอบคลุมทุกตำบล จำนวน 11 ตำบล 3. อำเภอสารภี จำนวน 4 ตำบล คือ คือ ตำบลขัวมุง ดอนแก้ว ท่าวังตาล และหนองผึ้ง 4.อำเภอแม่ริม จำนวน 3 ตำบล คือ ตำบลดอนแก้ว ริมใต้ และแม่สา และ5. อำเภอสันทราย จำนวน 1 ตำบล คือ ตำบลหนองหาร นอกจากนี้ยังมีสถานที่นอกเขตบริเวณใกล้เคียงสนามบินเชียงใหม่ในพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ ระดับ 1 คือ บริเวณพื้นที่เสี่ยงตามแนวขึ้น – ลง สนามบิน ที่อยู่ห่างจากทางขึ้น – ลง ของเครื่องบิน ห่างข้างละ 4.6 กิโลเมตร และระยะทางยาง 18.5 กิโลเมตร จากหัวทางวิ่งทั้ง 2 ด้าน และเส้นทางการบิน เข้า – ออก สนามบินเชียงใหม่ และต้องยื่นขอรับใบอนุญาตล่วงหน้าก่อนวันจุดและปล่อยไม่น้อยกว่า 15 วัน คือสิ้นสุดวันอนุญาตในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้ หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีกระทำการใดเพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ ซึ่งเป็นการรบกวนหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อการเดินอากาศหรือปฏิบัติการของอากาศยานภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ และต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: