นครศรีธรรมราช:เงินกว่าล้านบาทจากพลังน้ำใจคนไทยหลั่งไหลอย่างท่วมท้น ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนช่วยเหลือ “คุณลุงให้”ชายชราวัย 92 ปี เลี้ยงเหลน 6 คนเพียงลำพัง ด้วยเงินพันบาทต่อเดือน หลังมารดาเด็กเสียชีวิต กำลังหลักของครอบครัว ล่าสุดขอหยุดรับบริจาค ครอบครัวทุกคนซาบซึ้งขอบพระคุณไม่มีวันลืมบุญคุณ จะใช้จ่ายทุกบาทสตางค์อย่างรู้คุณค่าจากกรณีที่ได้มีการนำเสนอเรื่องราวความทุกข์ยากของ”นายให้ ขุนคณะ” ชายชราวัย 92 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 หมู่ 3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่ต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูเหลน 6 คน ทั้งหญิงและชายเพียงลำพังกับเงิน 1 พันบาทต่อเดือนที่ได้รับจากสวัสดิการของรัฐ (เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ) อย่างแร้งแค้นและเวทนา เนื่องจากหลานสาวผู้เป็นมารดาของเด็กๆทั้ง 6 กำลังหลักในการหารายได้เลี้ยงดูทุกชีวิตในครอบครัวได้เสียชีวิตไป ก่อให้เกิดปัญหาและผลกระทบอื่นๆตามมามากมายในการดำเนินชีวิต ทั้งด้านสุขอนามัย ความเป็นอยู่ อาหารการกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผล กระทบทางด้านการศึกษาของเด็กๆ ที่ต้องขาดเรียนเนื่องจากต้องคอยเลี้ยงดู “ทวด”และน้องที่ยังเล็กอยู่ ประกอบกับไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป รร.นั้น
ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดออกไปโดยสื่อมวลชนในพื้นที่ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ผ่านทาง “เว็บไซต์ 77 ข่าวเด็ด” และเพจเฟซบุ๊ก “เสียงคนใต้” โดยมียอดแชร์มากกว่า 5 พันแชร์ รวมไปถึงสื่อโซเชียลต่างๆ ที่ได้ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร จนพี่น้องประชาชนทั่วทั้งประเทศได้รับรู้ และทนเห็นสภาพความเป็นอยู่กันแบบทุกข์ยากของทั้ง 7 ชีวิตไม่ได้ จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลาในการเปิดรับบริจาค มีพี่น้องประชาชนทั้งประเทศต่างพากันสละทุนทรัพย์ส่วนตัว ร่วมบริจาคสมทบทุนกันเข้ามาโดยโอนผ่านเข้ามายังบัญชีธนาคารส่วนตัวของ น.ส.จิราพร จิตร์เพ็ง อายุ 16 ปี เหลนสาวคนรองของ”นายให้ชายชรา”มาอย่างไม่ขาดสาย รวมไปถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และใกล้เคียง และหน่วยงานองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน นำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในครัวเรือน สิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ อาทิ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้ง พร้อมเงินปัจจัยมามอบให้ถึงมือที่บ้านหลังดังกล่าว อาทิ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.นครศรีธรรมราช หรือ (พม.) หน่วยงานท้องถิ่น องค์กรหรือมูลนิธิสาธารณะกุศลต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น และนอกจากนี้ยังมีกลุ่มสมาชิกและองค์กรต่างๆอีกหลายองค์กรที่ได้ติดต่อประสานเข้ามาเพื่อจะยกคาราวานนำสิ่งของเข้ามาบริจาคช่วยเหลือให้อีกมากมาย อาทิ กลุ่มบิ๊กไบค์สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช กลุ่ม 2T อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อให้ทางครอบครัวผู้ยากไร้ได้นำไปใช้ดำรงชีพในชีวิตประจำวันให้มีชีวิตที่ดีขึ้นต่อไปน.ส.จิราพร กล่าวดีใจที่มีคนไทยจำนวนมากเกิดความรู้สึกสงสารมอบทุนทรัพย์ทางการศึกษามาให้กับตนและน้องๆทุกคนเพื่อที่จะได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนให้สูงๆ อย่างคนอื่นๆ เขา ถึงแม้วันนี้ตนเองจะไม่มีพ่อและแม่อยู่แล้วแต่ตนเองก็ยังมีทวดที่คอยเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากจะเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนอย่าท้อถอย หากมีปัญหาและอุปสรรคเข้ามาในชีวิต และขอให้ทุกๆธารน้ำใจที่หลั่งไหลเข้ามา จงประสบแต่ความสุขทุกๆอย่างที่ปรารถนาที่อยากได้ “ที่ผ่านมาไม่คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าอยากให้น้องๆ เรียนจบมีการศึกษาที่ดี แค่นี้ก็พอใจแล้ว ส่วนเงินที่ได้รับมานั้นมันมากและเพียงพอที่จะนำดูแลน้องๆ และไว้เป็นทุนทางการศึกษาให้กับน้องๆทุกคนได้เล่าเรียนถึงชั้นสูงๆ ส่วนตนเองก่อนนี้เคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นทหาร แต่ตอนนี้อยากเรียนให้จบสูงๆเช่นกันเพื่ออยากที่จะไปเป็นครูสอนหนังสือให้เด็กๆได้มีความรู้ต่อไปหนูต้องกราบขอบพระคุณประชาชนคนไทยทั้งประเทศเป็นอย่างมาก ที่มอบน้ำจิตน้ำใจและมิตรไมตรีที่ดีมาให้กับพวกหนู ซึ่งในวันนี้หนูเห็นว่ายอดเงินมีมากมายและเพียงพอแล้ว จึงอยากจะขอหยุดการรับบริจาคในทุกๆช่องทาง ซึ่งยอดบริจาคล่าสุดในขณะนี้ มีมากกว่า 1 ล้าน 1 แสนบาท ซึ่งการบริจาคยังมีเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง หนูจึงขอขอบพระคุณทุกๆธารน้ำใจ และขอหยุดการรับบริจาคไว้เพียงเท่านี้“ด้านนาย’ให้’กล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นสำเนียงใต้ว่า รู้สึกดีใจรู้สึกบายใจที่เขาเข้ามาช่วย มีข้าวของนำมาบริจาคเต็มไปเสียหมดในบ้าน หลายสิ่งหลายอย่าง ของกินของใช้ เป็นผ้าเป็นอะไรต่ออะไรครบไปเสียหมดทุกอย่างที่เขาเอามาให้ และขอขอบใจทุกๆ คนอย่างมาก“อย่างไรก็ตามยอดเงินที่ได้รับบริจาคมาในครั้งนี้ ทางครอบครัวญาติและชาวบ้านในชุมชนได้ลงความเห็นว่า ควรมีผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ ที่เชื่อถือและไว้ใจได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมเห็นชอบในการอนุมัติเบิกจ่ายเงินของเด็กๆ ทุกคน ซึ่งล้วนยังเป็นเยาวชน เพื่อสร้างความมั่นอกมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน ผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริกาคกันเข้ามา เพื่อให้เงินทั้งหมดได้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงลงความเห็นว่าควรโยกย้ายถ่านโอนจากบัญชีส่วนตัว ไปเข้าในบัญชีกลางที่จะต้องมีผู้เห็นชอบและร่วมเซ็นอนุมัติการเบิกถอน 3 ใน 4 คนประกอบด้วย 1) น.ส.จิราพร จิตร์เพ็ง, 2) จ่าสิบเอกสุรัตน์ พาระพัฒน์ ประธานกลุ่มก่อการดีคนไชยมนตรีรักษ์บ้านเกิด,3) นายนรงค์;ช่วยกูล นักพัฒนาชุมชนอบต.ไชยมนตรี และ4) นายบุญฤทธิ์ ขุนคะณะ เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์ที่จะได้รับอย่างสูงสุดจากพลังจิตกุศลของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่ร่วมบริจาคกันมาในครั้งนี้อ่านข่าวยัอนหลัง
!สุดเวทนา ชายชราวัย 92 ปี ออกปากร้องขอคนช่วยเหลือ “เหลน”ทั้ง 6 ก่อนตัวตาย “ขอแค่ให้ได้เรียนหนังสือ” – 77 ข่าวเด็ด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: