วันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ที่บริเวณที่ทำการชั่วคราว ภายในวัดหนองบัว ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีชาวบ้านซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ สมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กว่า 300 คน เดินทางมาเพื่อขอถอนเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ภายหลังรับทราบว่า เงินของกลุ่มสัจจะไม่มี ไม่สามารถถอนได้ ส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย เนื่องจากไม่มีคณะกรรมการคนใดออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงได้
นายชัชพิสิษฐ์ ไชยนุรัตน์ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า เหตุเกิดตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีชาวบ้านกว่า 10 รายมาถอนเงินออมทรัพย์ เงินประมาณ 5 หมื่นกว่า ซึ่งเป็นจำนวนไม่มาก แต่คณะกรรมการฯกลุ่มสัจจะฯแจ้งว่ามีเงินไม่พอ ทั้งๆที่ในวันนี้ก็มีการนำเงินมาฝาก เฉพาะผู้สูงอายุมีไม่ต่ำกว่า 30 คน พอได้รับเงินผู้สูงอายุ ก็นำเงินมาฝากกลุ่มสัจจะฯ หวังว่าจะได้ใช้ในยามชราขณะที่สมาชิกรายอื่นๆก็มาฝาก เงินสดก็มี แต่ไม่พอ ขณะที่เงินในธนาคารก็ไม่พอ ถามใครก็ไม่มีใครทราบ จนกระทั่งวันนี้ สมาชิกทั้งหมดก็มาขอถอนเงิน แต่คณะกรรมการเดินทางมาไม่กี่คน และก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเงินหายไปไหน พวกเราจึงต้องแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายกับคณะกรรมการกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ สมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ยายฟื้น (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี สมาชิกกองทุนฯ กล่าวว่า ตนมีเงินในสมุดกองทุนฯ กว่า 3 หมื่นบาท ไม่ได้กู้ออกมาเลย ทุกๆวันที่ 9 หลังรับเงินผู้สูงอายุ 700 บาท ก็จะเดินเอามาฝากกับ กก.กลุ่มซึ่งตั้งโต๊ะรออยู่เป็นแบบนี้ทุกเดือนและเป็นเวลาหลายปีแล้ว เงินหายหมด กำลังใจคนแก่หายไปหมด อยากให้ตำรวจมาตรวจสอบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
จากการสอบถามคณะกรรมการคนหนึ่งกล่าวว่า การทำงานมีคณะกรรมการทั้งหมด 8 คน ทุกเดือนจะเข้ามาทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกัน เดือนละ 5 คน หลังจากได้เงินก็จะเอาเงินไปฝาก ในบัญชี 5 เล่ม ตนเองรับผิดชอบ 3 เล่ม ส่วนอีก 2 เล่ม ตนไม่ทราบว่าทำอย่างไร ตนก็มี่ทราบว่าเงินหายจากบัญชีได้อย่างไร และไม่ทราบยอดด้วยว่าเท่าไหร่ ส่วนโฉนดที่ดินที่สมาชิกกู้ยืมเงินไปอยู่ที่ตนเอง วันนี้ตัวจริงไม่ได้นำมา นำมาเพียงสำเนาเท่านั้น ส่วนประธานกรรมการกองทุนฯมีแต่อย่าดึงเข้ามาเกี่ยวข้องเลย เอามาแต่ชื่อ หากถามท่านคงไม่รู้เรื่อง คณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเงินหายไปได้อย่างไร ถามใครก็ไม่มีใครรับ ไม่มีใครทราบ แต่ละเดือนมีเงินออมแต่ก็ไม่รู้เอาไปฝากกันหรือไม่ เป็นหน้าที่ของกรรมการแต่ละเดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการตรวจสอบสมาชิกพบว่า มีผู้เสียหาย ณ.ปัจจุบัน จำนวน 317 ราย เป็นยอดเงินออมในบัญชี จำนวน 3,539,600 บาท บัญชีที่ปรากฏเป็นยอดออมอย่างเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับยอดกู้ยืม จำนองที่ดินแต่อย่างใด
ซึ่งต่อมาในเวลา 12.00น. ชาวบ้านทั้งหมดจึงเดินทางมาที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายกับคณะกรรมการกองทุนทั้งหมดฯ ต่อไป
