นครศรีธรรมราช:ผู้เสียหายคดีโกงทองคำเมืองคอน โร่เข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทหาร หลังพบพิรุจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประวิงเวลาปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนี ซบอกนายทุนใหญ่ภูเก็ต
ที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 ค่ายวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช น.ส.ณหฤทัย ระวังภัย พร้อมด้วย น.ส.นิภาดา วงษ์ภักดี 2 ผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงทองคำ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.41 ผ่านพ.อ.ประเสริฐ กิตติรัต รองผบ.มทบ.41 เพื่อร้องขอความช่วยเหลือให้ทางเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมตรวจสอบในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในคดีฉ้อโกงทองคำที่เป็นข่าวคราวโด่งดังอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังพบข้อมูลว่ามีกลุ่มคนผู้มีสีและผู้มีอิทธิพลร่วมอยู่ในกระบวนการฉ้อโกงในครั้งนี้ด้วย
สำหรับคดีดังกล่าวได้มีผู้เสียหายทั้งรายใหญ่ รายเล็ก และรายย่อย ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราชอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ดำดำเนินคดีกับน.ส.นิชนิภา หรือกิ๊ป ชอบพจน์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/1 หมู่ 2 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้เสียหายทั้งในจังหวัดและใกล้เคียงมากกว่า 50 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
น.ส.ณหฤทัย ระวังภัย กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามามีบทบาทในการเข้าร่วมตรวจสอบ เนื่องจากไม่ค่อยมีความมั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งๆที่วันนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้วไม่ต่ำกว่า 40-50 ราย และแต่ละรายล้วนแล้วแต่มีหลักฐานการโอนเงินที่ชี้ชัดถึงที่ไปที่มาอย่างชัดเจน และชื่อที่อยู่ของผู้ถูกกล่าวหา แต่กลับปล่อยให้ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีออกไปจากพื้นที่ และในท้ายที่สุดก็ไม่สามารถดำเนินคดีเอาผิดได้
“การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดพนักงานสอบสวนวันนี้ ดูเหมือนเป็นการ ประวิงเวลายืดออกไปให้นานขึ้น เนื่องจากในแต่ละวันทำได้เพียงเชิญตัวผู้เสียหายมาให้ข้อมูลพร้อมนำหลักฐานที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี โดยอ้างว่าหากมีข้อมูลหลักฐานครบและแน่นหนาพอก็จะสามารถขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุและผู้ร่วมกระบวนการได้อย่างแน่นอน อีกทั้งกระบวนการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำอยู่นั้น เหมือนคล้ายกับจะหาทางและวิธีที่จะช่วยลดภาระหนี้สินของผู้ก่อเหตุให้น้อยลง เนื่องจากให้ผู้เสียหายชี้แจงรายได้ผลกำไรจากการทำธุรกิจแต่ละครั้ง โดยจะนำไปหักลบกับยอดจำนวนความเสียหายของผู้เสียหายหมด ให้เหลือยอดน้อยลงที่สุด”
พ.อ.ประเสริฐ กิตติรัต รองผบ.มทบ.41 กล่าวว่า จะประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อขอดำเนินการควบคู่กันไป เข้าใจในความรู้สึกของผู้เสียหายทุกๆราย แต่อยากให้ทุกคนให้เวลาการทำงานกับเจ้าหน้าก่อน ทางทหารจะหาข้อมูลในเชิงลึกว่าผู้ถูกกล่าวอ้างได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่แล้วหรือไม่ หากหลบหนีไปแล้วจริงก็จะส่งชุดเจ้าหน้าที่สืบหาข้อมูลเฝ้าติดตาม หากพบแหล่งกบดานก็จะเข้าชาร์จในทันที สำหรับกลุ่มผู้มีอิทธิพล ขออย่าได้กังวล ไม่มีใครจะมาอยู่เหนือกฎหมายไปได้ ขอให้มั่นใจ
ผู้สื่อข่าวรายงาน มีกระแสวิพากษณ์วิจารณ์ว่าคดีดังกล่าวคงจะไม่มีความคืบหน้า และจะเงียบหายไปในที่สุด เนื่องจากมีสุภาพสตรีรายหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นนายประกันอยู่ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวระดับผู้ร่วมกระบวนการ และหญิงสาวรายนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายตำรวจนายหนึ่งในพื้นที่ และกำลังจะทำการต่อรองยืดระยะเวลาออกไป เพื่อให้กระแสข่าวเบาบางลง ซึ่งสอดคล้องกับการที่เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนได้เรียกผู้เสียหายนำหลักฐานมาทำการชีแจงถึงรายได้ผลกำไรในธุรกิจ เพื่อที่จะนำไปหักลบกลบกำไรให้กับผู้ถูกกล่าวหาให้เหลือยอดความเสียหายให้น้อยลงที่สุด ซึ่งประชาชนที่คอยเฝ้าติดตามคดีดังกล่าวอยู่ ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า วันนี้ผู้เสียหายควรที่จะไปร้องขอความช่วยเหลือกับ คสช. ดีเอสไอ กรองปราบ และ ปปง.ให้เข้าตรวจสอบ โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน เนื่องจากคดีนี้น่าจะมีผู้ประกอบการร้านทองมีเอี่ยวอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: