นครศรีธรรมราช:ผู้การฯตำรวจเมืองคอนเผยผู้ต้องหาขับรถเก๋งชนตำรวจกระโดดเกาะหน้ากระโปรงถูกตำรวจแจ้ง 3ข้อหาหนัก แต่ยังให้การปฏิเสธข้อหาพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ กรณีคนร้ายเป็นชายนิรนามขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิซิ รุ่นมิราจสีเหลือง ป้ายแดงทะเบียน ก-0763 ภูเก็ต พุ่งชนท้ายรถจยย.สายตรวจจราจรของ ด.ต.มลตรี นิติชัย อายุ 44ปี ผบ.หมู่งานจราจร สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ที่จอดติดไฟแดงสี่แยกกรุงไทย เขตเทศบาล ต.ท่าศาลา หลังเกิดเหตุ ด.ต.มลชัย ได้เดินลงมายืนดักบริเวณหน้ารถเพื่อจะสอบถามพูดคุยเจรจา แต่คนขับกลับไม่ยอมลงมาพูดคุยด้วย ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์สุดระทึกจนน่าหวาดเสียวได้เกิดขึ้น ขณะที่คนขับเก๋งได้ตัดสินใจเหยียบคันเร่งเครื่องใส่เกียร์เดินหน้า เพื่อหวังหลบหนี ด.ต.มลตรี จึงตัดสินใจกระโดดขึ้นบนฝากระโปรงรถ คนขับได้พาร่างของ ด.ต.มลตรี ออกไปไกลจากจุดเกืดเหตุเกือบ 2กม.ก่อนที่คนขับจะชะลอความเร็วรถ ซึ่งเป็นจังหวะที่ ด.ต.มลตรีตัดสินใจกระโดดลงจากหน้ากระโปรงหน้ารถมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนคนร้ายได้ขับรถหลบหนีมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงวันของวันที่ 22 เม.ย.63ที่ผ่านมาท่ามกลางสายตาของประชาชนจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งในภาพจะเห็นว่ามีพลเมืองดีที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันวิ่งตามเพื่อไปช่วยเหลือ ด.ต.มลตรีต่อมา จนท.ตร.ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นของคนร้ายที่นำไปจอดซ่อนไว้ในป่าสวนมังคุดในท้องที่ หมู่ 2 ต.กะหรอ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช จึงทำการตรวจสอบ และสอบสวน พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของพ่อตาแม่ยายคนร้าย ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายพงศกรหรือนิว หนูเรือง อายุ 29ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/1 หมู่ 2 ต.โคกยาง อ.กันตัง จ.ตรัง แต่ไม่พบตัวแต่อย่างใดล่าสุด ที่ บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้แถลงความคืบหน้าในคดีให้กับสื่อมวลชนได้ทราบ ว่าได้สั่งการให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีอุกฉกรรจ์ ของ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราชร่วมกับตำรวจ สภ.ท่าศาลา รวบรวมพยานหลักฐานเสนอขออนุมัติศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ไปแล้วหลังเกิดเหตุ โดยวานนี้ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ออกหมายจับให้ในทันที และไม่นานทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้ทำการติดตามจับกุมตัวนายพงศกร หรือนิว ได้ที่บ้านพักใน อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมคุมตัวมาสอบสวนปากคำที่ สภ.ท่าศาลา ในช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา (23เม.ย.63) และได้แจ้ง 3ข้อหาให้แก่นายพงศกรหรือนิว ผู้ต้องหารายนี้ ประกอบด้วย 1) ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งได้กระทำตามหน้าที่ 2) ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ไม่หยุดรถและให้การช่วยเหลือ หรือหลบหนีเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย และ 3) ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรซึ่งได้กระทำตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำตามหน้าที่พล.ต.ต.สนธิชัย กล่าวว่าจากการสอบสวนปากคำนายพงศกรผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขับขี่รถเก๋งคันดังกล่าวไปชนท้ายรถจยย.ของตำรวจจราจรจริงและได้ขับหลบหนีโดยมีตำรวจเกาะอยู่ที่ฝากระโปรงรถจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเจ้าพนักงานตามที่ได้ถูกตั้งข้อหา โดยได้ขับรถด้วยความเร็วประมาณ 100กม.ต่อชม.ส่วนสาเหตุที่ขับรถชนท้ายรถตำรวจเนื่องจากขณะกำลังจะจอดติดไฟแดง โทรศัพท์มือถือของตนได้หล่นพื้นจึงก้มลงหยิบ ทำให้ขาที่เหยียบเบรกอยู่เผลอยกขึ้นเป็นเหตุให้รถไถลไปชนกับรถของตำรวจที่อยู่ด้านหน้า หลังจากนั้นตนเองเกิดความรู้สึกกลัวและตกใจเมื่อเห็น จนท.ตร.ยืนดักอยู่ที่หน้ารถของตน ปนะกอบกับภายในรถมีน้ำต้มพืชกระท่อมอยู่ด้วย 1ขวด เกรงว่าจะถูกตรวจค้นจึงตัดสินใจออกรถโดยไม่คิดว่า จนท.ตร.จะกระโดดขึ้นบนฝากระโปรงรถของตน จนเกิดเหตุการณ์ภาพดังกล่าวเกิดขึ้น ก่อนที่จะตั้งสติได้และชะลอความเร็วรถลง จนตำรวจพอที่จะสามารถกระโดดลงได้ และได้พารถไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านพ่อตาแม่ยายที่พบ แล้วหลบหนีไปยังบ้านเกิดที่ จ.ตรังจนถูกติดตามจับกุมได้ดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุยังบอกอีกว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด และรู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: