นครศรีธรรมราช:ชายฉกรรจ์ทวงหนี้นอกระบบออกอาละวาดทั่วเมืองคอน ใช้อิทธิพลข่มขู่ขูดรีดชาวบ้าน หนีหัวซุกหัวซุน หวั่นได้รับอันตรายถึงชีวิต
วันที่ 16 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับความเดือดร้อน กรณีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายรายขับรถยนต์เก๋งฮอนด้าแจ๊ส สีแดง แผ่นป้ายทะเบียน กย 9812 นครสวรรค์ และกลุ่มไอ้โม่งขับขี่ จยย.สวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า เข้ามาทวงหนี้เก็บเงินกู้นอกระบบ พร้อมข่มขู่ทำร้าย ยึดทรัพย์สิน หากไม่จ่ายดอกเบี้ยรายวัน หวั่นจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต จึงร้องผ่านสื่อมวลชนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งปราบปรามกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล ฉกฉวยโอกาสในช่วงที่ประชาชนประสบปัญหาทางการเงิน หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หลายเดือนที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ จนท.ทหาร ตำรวจในพื้นที่ เข้าตรวจสอบช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน
ผู้เดือดร้อนรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ได้ติดต่อขอกู้เงินนอกระบบมาจากใบปลิวที่โปรยตามท้องถนนเมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นเงินจำนวน 5 พันบาท ด้วยความจำเป็น เพราะตกงาน ขาดรายได้เลี้ยงดูครอบครัว โดยได้ทำสัญญาเงินกู้ พร้อมจ่ายดอกเบี้ยล่วงหน้า 1 วัน 250 บาท และค่าทำเอกสารสัญญา พันละห้าสิบบาท รวมเป็นเงินที่ถูกหัก 500 บาท ซึ่งในสัญญาจะต้องหาเงินเพื่อมาจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยรายวัน วันละ 250 บาท เป็นเวลา 24 วันในหนึ่งรอบ และได้ทำการกู้ยืมมาอย่างต่อเนื่อง
แต่มาระยะหลัง ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าดอกเบี้ยได้ทัน จนกลุ่มทวงหนี้ชายฉกรรจ์ อายุราว 20-25 ปี เข้ามาก่อกวนวันละหลายรอบ แม้ยามวิกาล อีกทั้งได้บุกรุกเข้ามาในตัวบ้านพร้อมข่มขู่ทำร้าย โดยอ้างว่า “เคยติดคุกมาก่อนในคดีฆ่าคนตาย จึงไม่กลัวอยู่แล้ว” และจะยึดทรัพย์สินหากไม่มีเงินจ่าย ทำให้ตนเองเกิดความหวาดกลัวหวั่นว่าจะได้รับอันตรายถึงชีวิต
สำหรับเครือข่ายเงินกู้นอกระบบที่ออกอาละวาดอยู่ในขณะนี้ เป็นกลุ่มนายทุนที่มีอิทธิพล ทั้งในและนอกพื้นที่ ได้ฉวยโอกาสช่วงที่ชาวบ้านประสบปัญหาทางการเงิน ออกโปรยใบปลิว แปะตามเสาไฟฟ้า ศาลาพักที่พักผู้โดยสาร เพื่อปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และได้ว่าจ้างกลุ่มวัยรุ่นจากนอกพื้นที่หรือผู้ที่เคยถูกจำคุกมาก่อน สักลายเต็มตัว ตระเวนทวงหนี้ โดยใช้อิทธิพลข่มขู่หากลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยไม่ตรงเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนลักษณะเดียวกันเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด โดยมีลูกหนี้บางรายถึงขั้นต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น เพื่อเอาชีวิตรอด
