นครศรีธรรมราช:”เนวิน”ควง นายห้างใหญ่ ขี่บิ๊กไบท์ สักการะศาลหลักเมือง โว สร้างโรงไฟฟ้าน้ำมันปาล์ม 10 แห่ง ทั่วใต้ แก้ปัญหาปากท้อง โบ้ย ไม่ใช่ รบ.ผมคือนายเนวิน ชิดชอบ
ที่บริเวณศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ และทีมบิ๊กไบท์กว่า 20 คัน ได้เดินทางมาร่วมในพิธีบวงสรวงสักการะศาลหลักเมือง โดยในพิธีได้มีการ จัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา เครื่องบายศรี รวมทั้งของเซ่นไหว้ เทพเทวดา และประกอบพิธีในรูปแบบของพราหมณ์ ในพิธีนายเนวิน ได้นำผ้าสามสี ขึ้นไปผูกกับองค์หลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมทั้งนำเสื้อทีมฟุตบอล บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ในฤดูกาลหน้า มาวางใส่พานต่อองค์หลังเมืองเพื่อขอพร ซึ่งใช้เวลากว่า 1 ชม.พิธีจึงแล้วเสร็จ
หลังเสร็จสิ้นพิธีนายเนวินได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงการเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อมาสักการะบูชาองค์พ่อจตุคามรามเทพ ที่ตนเคารพนับถือ และมาเป็นประจำทุกปี โดยที่คอก็ยังแขวนอยู่ตลอดเวลา ขอบอกว่านี่เป็นความเชื่อส่วนตัว เวลาปิดฤดูกาลก็จะถือโอกาสมาโดยตลอด เพื่อมากราบไว้ บูชา มาบวงสรวงองค์ท่าน และนอกจากนี้จะเดินทางไปดูภูมิปัญญาของชาวบ้าน และดูสิ่งที่ภาคเอกชนทำคือ การผลิตไบโอดีเซลเพื่อใช้ในครัวเรือน
วันนี้มีความเชื่อโดยส่วนตัวจากที่ได้ใช้เวลาในการดูปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนในภาคใต้ โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ว่ามีวิธีในการแก้ไขปัญหา เชื่อว่าหากรัฐบาลตัดสินใจใช้วิธีที่ตนคิด ราคาปาล์มของพี่น้องเกษตรกรจะมีราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 5 บาทอย่างแน่นอน โมเดลที่เราได้เห็นเรื่องของการเปลี่ยนปาล์มเป็นน้ำมันพืช ให้มาเป็นพลังงาน ที่เห็นก็จะมี 2 แบบ คือ ไบโอดีเซล ที่ปั๊มน้ำมันใช้อยู่โดยการนำน้ำมันประเภทนี้เข้าไปผสมกับดีเซล 7% ซึ่งวิธีการคิดค้นเช่นนี้ ต่างประเทศไปไกลมากแล้ว หากประเทศไทยคิดค้นสูตรผสมให้มีการใช้ไบโอดีเซลมากขี้น เชื่อว่าเกษตรกรชาวสวนปาล์มก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
อีกเรื่องที่มีความสำคัญสำหรับคนภาคใต้ คือการขาดแคลนเรื่องพลังงานไฟฟ้า พื้นที่ภาคใต้มีความเสี่ยงสูงมาก ไฟดับบ่อย ขณะที่ภาคใต้เป็นเมืองท่องเที่ยว ส่วนราชการ อีแก็ต หรือกระทรวงพลังงานเองก็ ไปคิดที่จะสร้างพลังงานไฟฟ้า ทดแทนด้วยวิธี 1) ไปซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งถือเป็นเรื่องเสียเปรียบทางการค้า 2) พยายามสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยส่วนตัวแล้วรับไม่ได้ และเชื่อว่า พี่น้องในพื้นที่ 14 จว.ภาคใต้ก็คงรับไม่ได้เช่นกัน หากคนที่รับผิดชอบเข้าใจจริงๆ ภาคใต้รายได้จากการท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนล้านบาทที่ช่วยบริหารประเทศอยู่ หากมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดขึ้น ก็จะไปทำลายสิ่งแวดล้อม จากซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คงจะเป็นปัญหากับนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาท่องเที่ยวในภาคใต้ จะมาท่องเที่ยวในรูปแบบธรรมชาติ จะส่งผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวในทันที
วันนี้ประเทศมาเลเซียมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ใช้ซีพีโอมาเป็นพลังงานในการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในประเทศ จากการตรวจดูตัวเลข หากรัฐบาลสนใจและตั้งโรงงานไฟฟ้าที่ใช้พลังงานความร้อน การไฟฟ้ารับซื้อแค่ 6 บาท เทียบกับการไปซื้อไบโอแมสที่ผ่านมาสูงถึง 11 บาท คิดเพียงว่าซื้อเพียง 6 บาท คิดย้อนกลับมาจะทำให้ราคาปาล์มทะลายของพี่น้องเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 5 บาท หากตั้งโรงไฟฟ้าแบบนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ 10 โรง โรงหนึ่งใช้งบประมาณไม่เกิน 700 ล้านบาท ใช้เงิน 7,000 ล้าน ก็จะมีโรงไฟฟ้า 10 แห่ง จะสามารถดูดซีพีโอน้ำมันปาล์มที่มีปัญหาล้นตลาดและทำให้ ราคาปาล์มของเกษตรกรตกต่ำ 2.80 บาท ในวันนี้หายไปจากระบบ ประมาณ 4 แสนตันต่อปี ซึ่งนั้นหมายความว่า ถ้าเราทำแค่ 7 พันล้าน ลงทุนโรงไฟฟ้า ที่ใช้ซีพีโอกะลาปาล์ม ทะลายปาล์ม พี่น้องที่ปลูกปาล์มในภาคใต้ก็จะไม่เดือดร้อน คิดว่าการลงทุนไม่เกินหมื่นล้าน และการแก้ปัญหาของพี่น้องเกษตรกรรับซื้อไฟฟ้าจากโรงงาน ต้นทุน 6 บาท จะทำให้ชีวิตของคน 14 จว.ใต้ ที่ปลูกปาล์มเปลี่ยนไป จากปัจจุบันมากมายมหาศาล จะทำให้เศรษฐกิจที่นี่ดีขึ้น ตนเองเป็นประชาชนตัวเล็กๆคนหนึ่ง ยังมองเห็น ก็หวังว่ารัฐบาล หรือ กระทรวงพลังงาน หรืออีแก็ตจะมองเห็นเช่นกัน
“ผมไปดูภูมิปัญญาของชาวบ้าน ที่ทำไบโอดีเซลไว้ใช้ และขายในครัวเรือน และในชุมชน จริงๆแล้วของแบบนี้ชาวบ้านยังคิดได้ แต่สิ่งที่ชาวบ้านคิดได้ บอกตรงๆว่าทั้งหมดเป็นศาสตร์พระราชา ซึ่ง ร.9 ท่านเป็นผู้คิดเรื่องไบโอดีเซลนี้มา จนวันนี้มันเป็นอะไรที่รัฐบาลควรทำต่อ อยู่ที่ว่าเราจะเอาน้ำมันปาล์มมาทำอะไร ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องของเกษตรกร คิดว่าการเอาซีพีโอ การเอาน้ำมันปาล์ม ไปทำพลังงานทดแทน เป็นการแก้ปัญหาปากท้อง ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มทั้งประเทศ เราต้องคิดในมิติว่าเราจะดูแลพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มใน 14 จว.ใต้ และในภาคอื่นๆของประเทศไทยอย่างไร ควรมองในมิติเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ลดการนำเข้า ได้โรงไฟฟ้าที่เป็นพลังสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวก็ยังคงขายได้ต่อไป”
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมรัฐบาลถึงมองไม่เห็นในภูมิปัญญาชาวบ้านในเรื่องของการทำน้ำมันปาล์ม หรือศาสตร์พระราชาในเรื่องการทำน้ำมันปาล์ม ขอตอบว่า ผมไม่เคยเป็นรัฐบาล ต้องไปถามคนที่เป็นรัฐบาล ผมไม่เกี่ยวอยู่แล้วผมเป็นประธานสโมสรฟุตบอล ผมเป็นนายเนวิน ชิดชอบ
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวได้เอ่ยถึงกรณีการเสียชีวิตของ เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มคิงเพาเวอร์ นายเนวิน ถึงกับลุกขึ้นยืนและเดินไปที่รถโดยไม่ขอให้ความคิดเห็นใดๆเกียวกับเรื่องดังกล่าว
