นครศรีธรรมราช : ชาวบ้าน ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รวมตัวร้องสื่อ หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขัง เนื่องจากผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ถมดินปิดทางระบายน้ำ ลำธารสาธารณะ อ้างมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน พร้อมบุกอำเภอยื่นหนังสือรายชื่อผู้เดือดร้อนขอความเป็นธรรมให้ช่วยแก้ไข
ที่ชุมชนบ้านหนองบัว ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 20 คน ทั้งชาย และหญิง รวมถึงผู้สูงอายุ นำโดยนางวันเพ็ญ ศรีวิจิตร อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 146/1 ม.3 ไชยมนตรี ได้รวมตัวกันบนถนนสายบ้านหนองบัว – ศาลาใหม่ ม.3 ต.ไชยมนตรี หลังได้รับความเดือดร้อนที่เป็นผลพวงมาจากการกระทำของผู้นำชุมชนในพื้นที่ โดยการนำดินมาถมปิดกั้นทางระบายน้ำที่ตัดผ่านถนนสายดังกล่าว ซึ่งเป็นลำธารสาธารณะ จนก่อให้เกิดปัญหาน้ำกัดเซาะเข้าท่วมขังบ้านเรือน ที่ดินทำกิน ผลอาสินของชาวบ้านได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ในช่วงฤดูฝน หรือช่วงฤดูน้ำหลาก มาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปีแล้ว จึงรวมตัวกันเพื่อร้องเรียนต่อสื่อมวลชนให้ช่วยตีแผ่ ต่อการกระทำของผู้นำในชุมชนคนดังกล่าว เนื่องจากไม่สนใจเสียงของประชาชนคนในหมู่บ้าน และเพิกเฉยต่อปัญหาความเดือดร้อนของลูกบ้านจากการกระทำของตนเอง พร้อมกับทำหนังสือแนบรายชื่อของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบส่วนหนึ่ง เดินทางไปยื่นต่อนายอำเมือง เพื่อขอความเป็นธรรม ให้เข้าช่วยเหลือ และหาแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
นางสุณีย์ ผลปันนะ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.3 ไชยมนตรี กล่าวว่า ต้นตอของปัญหาเกิดจากการที่ นางจิรา ดิษฐาพร หรือผู้ใหญ่โสภา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ผู้นำชุมชนที่ตนเองอยู่ ได้นำดินมาถมในผืนที่ดินของตนเอง ที่มีลำธารสาธารณะพาดผ่านอยู่ พร้อมกับถมดินทับลงในลำธารสาธารณะตลอดแนว จนไม่เห็นรูปลักษณะของลำธารอีกต่อไป โดยปิดทับช่องระบายน้ำใต้ถนน ที่มีการวางท่อบล็อกไว้อยู่จนเสมอกับผิวถนน หากมองดูผิวเผินก็เป็นที่ดินในผืนเดียวกัน ขณะที่อีกฝั่งยังคงเห็นแนวของท่อบล็อกที่ยังคงมีน้ำขังอยู่ ซึ่งช่วงฤดูฝน ปัญหาต่าง ๆ ก็ตามมาในทันทีตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บ้าน และที่ดินทำกินของตนเอง และของชาวบ้านในบริเวณนี้หลายครัวเรือน ต่างก็ได้รับความเสียหาย ถูกน้ำเข้าท่วมแช่ขังเป็นเวลานาน พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ไม้ใหญ่ยืนต้นตาย เพราะถูกแช่น้ำเป็นเวลานาน อย่างล่าสุดช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
- พบผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสาว ผมยาวดั่งราพันเซล เผยไว้ผมยาวมานับแต่สมัยเรียน
- บุรีรัมย์ ปล่อยแถวระดมกวาดล้าง ตรวจค้น ยาเสพติด ก่อนปีใหม่
- สุราษฎร์ ฯ อ่วม ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน จนท.เร่งช่วยเหลือประกาศภัยพิบัติเพิ่มเป็น 8 อำเภอ เสียชีวิตแล้ว 2 ราย
- ตรัง สถาบันพระบรมราชชนกเตรียมผลิต 9 หมอรุ่นใหม่ นวัตกรรมสุขภาพไทยสู่ระดับโลก
“ก่อนหน้านี้ชาวบ้านที่เดือดร้อนต่างพากันทยอยเข้าแจ้งปัญหา ให้กับผู้ใหญ่บ้านรับทราบอย่างเรื่อยมา พร้อมร้องขอให้ช่วยเปิดทางน้ำให้สามารถไหลผ่านได้คล่องตัว เพื่อไม่ให้เข้าท่วมในที่ดินผลอาสินของชาวบ้าน แต่กลับได้รับการปฏิเสธ และเพิกเฉยต่อการกระทำดังกล่าว อ้างเพียงว่าเป็นกรรมสิทธิ์เพราะอยู่ในผืนที่ดินของตนเอง โดยให้ไปฟ้องร้องเอา” นางสุณีย์กล่าว
นางวันเพ็ญ ศรีวิจิตร กล่าวว่า ลำธารแห่งนี้มีมาตั้งแต่ตนเองยังไม่เกิด จนขณะนี้อายุจะ 70 ปีแล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครสามารถเป็นเจ้าของได้ ที่ผ่านมาก็ทนกับปัญหามาตลอด เนื่องจากเคยได้เข้าพูดคุยร้องขอความช่วยเหลือกับทางผู้ใหญ่ไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ แถมยังสัมผัสได้ถึงการถูกข่มขู่คุกคามโดยการใช้อำนาจอิทธิพลจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย มาครั้งนี้จะไม่ขอทนต่อการกระทำของผู้ใหญ่บ้านคนนี้อีกต่อไป
“ตอนนี้เราเหมือนกับคนที่ถูกมัดมือมัดเท้าโยนทิ้งน้ำ ต้องตะเกียกตะกายสู้เพื่อความอยู่รอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย จึงจำเป็นที่จะต้องออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของผู้นำคนดังกล่าวก็ตาม เพราะอย่างไรเสียการที่ได้บุคคลดังกล่าวได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้มาจากการที่ชาวบ้านยกให้เป็น” นางวันเพ็ญกล่าว
แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า เมื่อช่วงช่วงหลายปีก่อน เคยมีชาวบ้านรวมตัวกันล่ารายชื่อยื่นให้กับนายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อถอดถอนการเป็นผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว หลังจากที่ได้รับตำแหน่งเพียงแค่ปีเดียว ผู้ใหญ่คนดังกล่าวกลับไม่สนใจต่อความเดือดร้อนของลูกบ้าน ทำแต่เรื่องส่วนตัว ชาวบ้านไม่สามารถพึ่งพาอาศัยได้ในยามที่เกิดปัญหา แถมยังใช้วาจา และอิทธิพลคุมคามจนชาวบ้านทุกคนเกิดความหวาดกลัว ปล่อยเลยตามเลย จนกระทั่งผู้นำชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นตัวตั้งตัวตีในการล่ารายชื่อในครั้งนั้น จำใจยอมยุติการเป็นผู้นำเรื่องดังกล่าวไปโดยปริยาย และขออยู่อย่างสงบ ๆ ดีกว่า เนื่องจากความเข้มแข็งของชาวบ้านเริ่มลดลง หลังจากได้รับการข่มขู่คุกคาม ค่อย ๆ ทยอยกันถอนตัวไปทีละคน โดยเฉพาะคำพูดหนึ่งของผู้ใหญ่คนดังกล่าวที่บอกกับชาวบ้านว่า “ไม่มีใครสามารถทำอะไรกับตนเองได้ เนื่องจากตนเองมีความสนิทชิดเชื้อกันมากกับปลัด “แสงจันทร์” ปลัดอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ”
แม้กระทั่งโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่มีลงมาให้กับคนในชุมชนเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละโครงการ กลับไม่เคยได้รับประโยชน์อย่างที่ควรจะเป็น อย่าง “ร้านค้าประชารัฐ“ ทางผู้ใหญ่บ้านได้เขียนโครงการไปเพื่อนำเงินดังกล่าวมาใช้ในประโยชน์ของตนเอง โดยการเปิดร้านค้าประชารัฐที่บ้าน (ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน) ซึ่งเปิดได้ไม่นาน ร้านค้าดังกล่าวกลับไม่มีข้าวของมาจำหน่ายให้กับคนในชุมชน จนกระทั่งเหลือแต่พื้นที่ว่างเปล่า กับป้ายประชารัฐที่ติดอยู่หน้าบ้านไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งชาวบ้านทุกคนต่างเสียดายงบประมาณของโครงการนั้น ๆ ที่สูญเสียไปไม่ถึงมือชาวบ้าน ตอนนี้ชาวบ้านทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย รอให้ถึง 60 ปีไว ๆ เพื่อที่ชุมชน ม.3 ไชยมนตรีจะได้รับการพัฒนา มีผู้นำที่ดีมาดูแลบ้าง ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้มีวาระเหมือนเดิมเพียง 4 ปี เพราะบุคคลที่เข้าไปเป็นจะได้มีความกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง
ล่าสุด ชาวบ้านได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยมีนายมงคล ภักดีสุวรรณ ปลัดอำเภอ เป็นผู้รับหนังสือร้องทุกข์จากชาวบ้าน พร้อมจะเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยจะเรียกตัว ผญบ.ที่เกิดกรณีข้อพิพาทกับชาวบ้านมาเข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ในฐานะผู้บังคับบัญชาฝ่ายปกครอง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: