นครศรีธรรมราช : นางยุภา สุขทอง พร้อมลูกชาย ปฏิเสธบุกทำร้ายร่างกายและใช้ด้ามไม้กวาดทะลวงอวัยวะเพศสาวหม้ายอย่างอำมหิต กลางรีสอร์ต ก่อนสิ้นใจตาย รอผลพิสูจน์จากแพทย์เพื่อเป็นหลักฐาน พร้อมโชว์ทะเบียนสมรส ยืนยันสู้ถึงที่สุด
วันที่ 24 มีนาคม 2564 ความคืบหน้ากรณี น.ส.จิรษา นิตสมบูรณ์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/5 หมู่ 6 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นลูกสาวของนางจิราวรรณ (สาวเหลียด) แก้วเพชร อายุ 39 ปี ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนประจำ จ.นครศรีธรรมราช ว่า นางจิราวรรณ ผู้เป็นแม่ ถูกกลุ่มบุคคลในหมู่บ้านเดียวกัน รุมทำร้ายอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน อำมหิตผิดมนุษย์ โดยจับแก้ผ้า แล้วรุมทุบตีจนกะโหลกศีรษะแตกร้าว ร่างกายเจ็บช้ำ และยังใช้ไม้ไผ่ด้ามไม้กวาดทะลวงเข้าไปในอวัยวะเพศ จนอวัยวะภายในฉีกขาด ได้รับการนำตัวส่ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ด้วยอาการสาหัส และเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค.64 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ภายในห้องพักรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ ห้าแยกนาพรุ หมู่ 3 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้แก่ครอบครัวและญาติพี่น้อง
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง บ้านเลขที่ 12/5 หมู่ 6 ต.นาพรุ ซึ่งกำลังจัดเตรียมสถานที่ เพื่อรอรับศพ นางจิราวรรณ มาตั้งบำเพ็ญกุศล โดยนำโลงศพ เต้นท์ โต๊ะ เก้าอี้ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มาเตรียมไว้ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่นำศพมาถึง
ผู้สื่อข่าวยังเดินทางไปยังบ้านของ นางยุภา หรือสาวแข้ง สุขทอง อายุ 56 ปี ในพื้นที่ ม.2 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตราว 1 กม. นางยุภา พร้อมลูกชาย (ขอสงวนชื่อ) ยอมเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ข่าวที่ออกมาได้สร้างผลกระทบอย่างหนักต่อตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อเพียงเดียวจากฝั่งผู้เสียชีวิต ที่บิดเบือนจากความเป็นจริง เช่น เรื่องการทำร้ายร่างกายด้วยการนำด้ามไม้กวาดไปทิ่มแทงอวัยวะเพศนั้น ไม่เป็นความจริง ยืนยันได้จากคลิปวิดีโอหลักฐานในห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งเห็นได้ว่า ไม่มีรอยเลือดและร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้าย โดยมีเจ้าของรีสอร์ตเป็นพยานสามารถยืนยันได้ เนื่องจากอยู่ในที่เหตุการณ์
ฝ่ายผู้ก่อเหตุยังอ้างว่า ข้อมูลที่ น.ส.จิรษา นิตสมบูรณ์ ลูกสาวของนางจิราวรรณ กล่าวหา โดยอ้างว่ามีคลิปวิดีโอขณะที่ตนเองทำร้ายร่างกาย ด้วยการนำด้ามไม้ทิ่มแทงเนื่องจากความแค้นนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ถ้ามีคลิปจริง ขอท้าให้นำออกมาเปิดเผย รวมถึงที่กล่าวหาว่าตนเองไม่ได้จดทะเบียนกับ นายไพบูลย์ กำแพงดี อายุ 65 ปี ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน พร้อมนำหลักฐานทะเบียนสมรส มายืนยันต่อผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตาม ตนเองและครอบครัว ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนสามี คือ นายไพบูลย ยังคงออกไปทำงานตามปกติ แต่เจอกระแสสังคมโจมตีอย่างหนักจากการนำเสนอข่าวด้านเดียว จึงไม่อยากให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะเหนื่อยและรู้สึกไม่ดี แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายนางจิราวรรณ จนเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต ตามที่ทุกสื่อรายงาน พร้อมตั้งข้อสันนิษฐานว่า สาเหตุที่นางจิราวรรณ เสียชีวิต มาจากโรคประจำตัวหรือไม่ ทั้งนี้ ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพื่อสู้คดี ทำความจริงให้ปรากฎ
ด้านลูกชายของนางยุภา กล่าวว่า ขณะนี้ยังรอผลพิสูจน์การเสียชีวิตของนางจิราวรรณ จากคณะแพทย์ ซึ่งจะสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า เกิดจากการกระทำของตนเองและแม่หรือไม่ หากฝ่ายตนเองลงมือทำจริง คงไม่มานั่งนิ่งเฉยและใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเหมือนปกติ คงหลบหนีไปแล้ว แต่วันนี้ ทุกคนในครอบครัว ยังคงอยู่ที่บ้านไม่ได้หนีไปไหน
“เตรียมฟ้องกลับทุกกรณีที่มีการกล่าวหาจากฝ่ายคู่กรณี และจะดำเนินคดีฟ้องร้องสมาคมสื่อ รวมถึงเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ ที่ลงข่าวบิดเบือนเกินความเป็นจริง สร้างความเสื่อมเสียให้เกิดขึ้นกับทางครอบครัว” ลูกชายของนางยุภา กล่าว
