นครศรีธรรมราช : เกษตรกร ลุ่มน้ำ ปลูกพริกเขียวมันขายไม่ได้เงิน บุก สหกรณ์การเกษตรหัวไทร ทวงถาม สัณหพจน์ ส.ส.พปชร.เขต 2 นครศรีธรรมราช แต่กลับถูกหลอกเลื่อนประชุมโดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ทำเอาเกษตรกรมาเก้อ แถมได้คำตอบพริกเน่าการจ่ายเงินจึงล่าช้า
วันที่ 8 มิถุนายน 2564 จากกรณีกลุ่มเกษตรกรปลูกพริกเขียวมัน ลุ่มน้ำปากพนัง กว่า 30 ราย นำโดยนายชาตรี เพชรแก้ว ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ในฐานะตัวแทนเกษตรกร เข้ายื่นหนังสือ ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วยเร่งรัด ติดตามการซื้อขายพริกเขียวมันจากผู้ประกอบการที่เข้ามารับซื้อจากจังหวัดสงขลา แต่ยังไม่ได้มีการชำระเงินให้กับเกษตรกร จนระยะเวลาผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้ว จึงมาทวงถามเนื่องจากได้ตรวจสอบไปยังผู้รับซื้อ ต่างพากันให้คำตอบว่ามารับซื้อแทน ส.ส.เขต 2 นครศรีธรรมราชเท่านั้น ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 9 แสนบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้าล่าสุดหลังมีการประชุมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่สหกรณ์การเกษตรหัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช วานนี้ 7 มิ.ย.64 โดย ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ ส.ส.พปชร.เขต 2 นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในที่ประชุมมีสรุปว่า จะทยอยจ่ายเงินให้เกษตรกร ในจำนวนกว่า 4 แสนบาท ในวันนี้ 8 มิ.ย.64 ซึ่งสาเหตุที่เกิดความล่าช้าเนื่องจากมีเกษตรกรบางรายเอาพริกเน่าใส่ปะปนลงมาในกระสอบ จึงทำให้ผู้ประกอบการส่งออกจะต้องเสียเวลาเพื่อทำการคัดเลือกใหม่ก่อนส่งออก และเกิดการขาดทุน
“การล่าช้าไม่ได้มีการคดโกงแต่อย่างใด ไม่มีใครคิดทำแบบนั้น ตนเองตั้งใจช่วยเหลืออย่างจริงใจ ไม่ได้ช่วยแค่รับซื้อพริกจากเกษตรกรเท่านั้น ยังจะช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกฟักเขียว ฟักทอง ที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ ไม่มีที่ส่งขายอีกด้วย และขอเรียกร้องให้พาณิชย์เร่งจ่ายเงินให้กับเกษตรกรโดยเร็ว หลังจากที่ได้รับปากไปว่าจะช่วยเหลือเงินเยียวยาให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนแล้วใน กก.ละ 5 บาท รายละไม่เกิน 417 กก. จนขณะนี้ผ่านมาเกือบเดือนแล้วก็ยังไม่มีเงินผ่านเข้ามาในบัญชีเกษตรกรแต่อย่างใด และขอยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองที่มีการแฝงตัวเข้ามาเพื่อทำลายระบบ”
ด้าน นายชาตรี เพชรแก้ว ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ในฐานะตัวแทนเกษตรกร กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรจากควนชะลิก โคกสูง ได้เดินทางไปตามที่ได้นัดหมายกันไว้ที่สหกรณ์การเกษตรหัวไทรในเวลาบ่ายโมงวานนี้ 7 มิ.ย.64 เพื่อรับฟังปัญหาและทวงถามเงินจากการขายพริกเขียวมันจากผู้ประกอบการสงขลาที่เข้ามารับซื้อ แต่ผลปรากฏว่าการประชุมได้ถูกเลื่อนไปแล้วในช่วงเช้าโดยไม่ได้แจ้งให้เกษตรกรที่มาทราบ ก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด เกษตรกรทุกคนแค่อยากจะรู้ว่าพวกเขาจะได้รับเงินของตนเองเมื่อไหร่ แค่บอกไปว่าจะได้เมื่อไหร่ก็เท่านั้น ไม่เห็นจะต้องชิ่งหนีการประชุมไปเลย และการทวงถามเรื่องเงินก็เป็นเงินค่าพริกที่ขายไป ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเงินเยียวยาของสำนักงานพาณิชย์ที่จะเข้ามาช่วยเหลือเลยด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องจะมีกลโกงอะไรในระบบนั้นตนเองและเกษตรกรทุกคนไม่สนใจ รู้เพียงว่าขายพริกแล้วก็ต้องได้เงินใน กก.ละ 14 บาทตามสิทธิ์ที่พึงจะได้รับก็เท่านั้น
“เท่าที่ทราบคำตอบ จากปาก ส.ส. ในที่ประชุมวานนี้เห็นว่าจะมีการโอนเงินเข้าใน บช.เกษตรกรที่นำพริกมาขายโดยการใส่ถุงพลาสติกใส ซึ่งจะระบุไว้ที่หัวบิลที่ผู้ซื้อลงไว้ในวันนี้ แต่จนป่านี้ยังไม่มีเงินเข้า บช.เกษตรกรแม้แต่รายเดียว ส่วนเกษตรกรที่ใส่กระสอบมาขายยังไม่มีคำตอบให้ โดยอ้างว่าขอตรวจสอบก่อน เพราะพริกที่ปลายทางได้รับกลับเน่าเสียและมีการยัดไส้เสียหายไปกว่า 2 ตัน จากทั้งหมดกว่า 60 ตัน เป็นคำตอบที่ถูกพี่น้องประชาชนและเอาเปรียบเกษตรกรที่ยากลำบากหาเช้ากินเช้าอย่างเห็นได้ชัด”
อย่างไรก็ตามหากวันนี้ไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการโอนเงินให้กับเกษตรกร วันพรุ่งนี้เกษตรกรผู้เสียหายทั้งหมดจะนัดรวมตัวกันเพื่อเดินทางไปที่ สภ.หัวไทรเพื่อติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดในการเอาผิดกับตัวบุคคลและผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ที่เกษตรกรผู้เสียหายทุกคนได้แจ้งความเอาไว้ ก่อนเดินทางไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อร้องขอความช่วยเหลือด้วยตนเองอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวเนื่องย้อนหลังได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: