นครศรีธรรมราช : อดีตพลทหารต่อสู้อากาศยาน นั่งเล่นปืนกับหนุ่มรุ่นน้อง จู่ ๆ ปืนลั่นใส่ตายคาที่ แต่ยังคลุมเครือ เหตุมีปัญหากับผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งมานาน ครอบครัวร่ำไห้เสียใจไม่กล้าปริปากกลัวอิทธิพล พยานในเหตุการณ์ เผย เจ้าตัวเล่าปัญหาให้ฟังทุกครั้งที่เจอ
เมื่อเวลา 21.26 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2564 ร.ต.ท.หญิง ทิพย์วิมล ดวงปาน ร้อยเวร สภ. เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 178 ม.5 บ้านตีนนา ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย พนักงานสอบสวนเวร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ผู้ใหญ่ กำนัน ในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิใต้เต็กเซี่ยงตึ๊ง รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ลึกเข้าไปจากถนนคอนกรีตประมาณ 700 เมตร ในสวนมังคุดและยางพารา พบผู้เสียชีวิตสวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อยืดคอกลมสีเทา นอนหงายจมกองเลือดอยู่ที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน คือ นายสิทธิชัย (สีแก้ว) แป้นจันทร์ อายุ 34 ปี อาชีพชาวสวน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง 1 นัด เข้าที่บริเวณเหนือข้อศอกแขนซ้าย ทะลุเข้าไปยังชายโครงกระสุนฝังใน ที่บริเวณพื้นบันไดทางขึ้นใกล้กับศพผู้ตาย พบเศษปลายของปลอกกระสุนปืนแบบหัวจีบสีแดงชนิดลูกซอง (หมอนรองกระสุน) ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ในที่เกิดเหตุมี นายสุรเชษฐ์ คล้ายณรังษี อายุ 37 ปี บ้านอยู่ ม.3 ต.กำแพงเซา อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเพื่อนผู้ตาย กำลังยืนให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ด้วยความตกใจ ทราบว่าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย สำหรับเจ้าของปืน ได้คว้าอาวุธปืนหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็วหลังเกิดเหตุ ตำรวจจึงเชิญตัวนายสุรเชษฐ์ ไปให้ปากคำในฐานะพยานที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
ข่าวน่าสนใจ:
นายสุรเชษฐ์ เล่าว่า เป็นเพื่อนกับนายสิทธิชัย นาน ๆ ครั้งจะแวะเวียนมาเที่ยวเยี่ยมเยียนกัน วันเกิดเหตุ ตนเองมาเที่ยวพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุขดิบกัน จนนายสีแก้ว (ผู้ตาย) เอ่ยปากถามว่าพอจะหาเขาวัวที่ไหนได้บ้าง มีเพื่อนรุ่นน้อง (เจ้าของปืน) ที่รู้จักกัน กำลังต้องการหาซื้ออยู่ ประจวบกับตนเองมีอยู่ 2 เขาพอดี จึงบอกกับนายสีแก้วว่า จะกลับไปเอาของที่บ้านมาให้ดู
หลังจากนั้น จึงกลับไปที่บ้านเพื่อนำเขาวัวมา ขณะมาถึงพร้อมเขาวัว ได้พบกับเพื่อนรุ่นน้องของนายสีแก้ว ซึ่งเป็นคนที่ต้องการเขาวัวดังกล่าว แต่ตนเองไม่เคยรู้จักหรือพบเห็นมาก่อน จำได้เพียงว่ามีรูปร่างผอม สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อยืดแขนสั้นจำสีไม่ได้ นุ่งกางเกงขายาว สีผิวไม่ขาวไม่ดำ อายุประมาณ 23-26 ปี กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับนายสีแก้ว ที่พื้นบ้านชั้น 2 จึงกล่าวพูดคุยทักทายพร้อมส่งเขาวัวที่นำมาให้กับทั้งสองคน แล้วไปนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ที่โซฟา ห่างจากจุดที่ทั้งสองนั่งประมาณ 3 เมตร
ต่อมา เหลือบไปเห็นทั้งคู่กำลังนั่งเล่นอาวุธปืนกันอยู่ ซึ่งเป็นปืนที่เพื่อนรุ่นน้องของนายสีแก้วเป็นผู้นำมา แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร จากนั้นไม่นาน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เป็นจังหวะเดียวกับที่ตนเองกำลังนั่งดีดกีต้าร์คลอตามเสียงเพลงที่นายสีแก้ว เปิดผ่านโทรศัพท์มือถือเข้าลำโพง ที่เสียงค่อนข้างดัง จึงไม่ทราบว่าทั้งคู่พูดคุยสนทนาอะไรกันบ้าง
หลังสิ้นเสียงปืน เห็นนายสีแก้วนอนล้มฟุปลงกับพื้นและมีเลือดไหลนองออกจากตัว ตนเองจึงรีบเข้าไปดู และเห็นบาดแผลที่แขน ซึ่งขณะนั้นนายสีแก้วยังมีชีวิตอยู่ จึงรีบนำโทรศัพท์ของนายสีแก้วโทรหาเจ้าหน้าที่มูลนิธิให้เข้ามาช่วยรับตัวไปส่ง รพ. เป็นขณะเดียวกันกับที่เพื่อนของนายสีแก้ว ลุกลี้ลุกลนหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนและเขาวัว 2 เขาที่ตนเองตั้งใจนำมาขาย ซึ่งยังไม่ได้พูดคุยตกลงราคากันด้วยซ้ำ กลับมาเกิดเรื่องเสียก่อน ระหว่างรอ จนท.มูลนิธิมาถึงซึ่งกินระยะเวลาไปกว่า 20 นาที อาการบาดเจ็บของนายสีแก้วเริ่มแย่ลง และมีเลือดไหลออกมาจากลำตัวมากจึงเปิดเสื้อดู จึงพบว่ามีรอยบาดแผลของกระสุนปืนทะลุเข้าไปยังภายในลำตัวด้วย จนในที่สุดนายสีแก้วก็ได้แน่นิ่งไป
นายสุรเชษฐ์ คล้ายณรังษี กล่าวต่อว่า ขณะนั้นตนเองรู้สึกตกใจมาก และได้พยายามที่จะยื้อเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนที่กำลังบาดเจ็บโดยการปั๊มกระตุ้นหัวใจจนสุดความสามารถ ระหว่างที่รอรถมูลนิธิ แต่ก็ไม่เป็นผล นายสีแก้วได้สิ้นใจในที่สุด
เบื้องต้น แพทย์ได้ชันสูตรศพผู้ตายในที่เกิดเหตุ พบว่า มีร่องรอยบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนยังไม่ทราบชนิดและขนาดที่ชัดเจน ในระยะใกล้ จากทางด้านซ้าย กระสุนปืนเจาะทะลุเข้าบริเวณเหนือข้อศอกแขนซ้าย เจาะทะลุแขนเข้าไปยังลำตัวที่บริเวณชายโครงจากซ้ายไปขวา มีร่องรอยบาดแผลของรูกระสุนที่ชายโครงซ้ายค่อนข้างกว้างเป็นแผลฉกรรจ์ ก่อนทะลุเข้าลำตัว และไปออกทางด้านขวา โดยมีร่องรอยของรูกระสุนลักษณะเป็นรูกลม ๆ เล็ก ๆ หลายรู ปรากฏอยู่ที่ชายโครงขวา นอกจากนี้ ยังมีกระสุนที่ยังคงฝังตุงอยู่ภายในที่ชายโครงขวาอีกประมาณกว่า 9 เม็ด คาดว่าเป็นลูกปืนชนิดลูกปรายของอาวุธปืนลูกซอง
ความแรงของกระสุนทำให้กระดูกข้อศอกของผู้ตายแตกหักบิดเบี้ยวผิดรูป จนเกือบหมุนได้รอบ กระสุนปืนเข้าทำลายส่วนสำคัญของอวัยวะภายในจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายณัฐกิจ แป้นจันทร์ อายุ 38 ปี พี่ชายของนายสีแก้ว (ผู้ตาย) พร้อมภรรยาและแม่ของนายสีแก้ว (ผู้ตาย) ได้พากันกอดคอร่ำไห้สะอึกสะอื้นเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายณัฐกิจ เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่น้องชายต้องมาจากไปอย่างรวดเร็ว ตัวนายสีแก้วเองเป็นคนดี ไม่เกเร ไม่เคยหาเรื่องหรือมีปัญหาอะไรกับใคร รู้จักทำมาหากิน สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง ขยันทำมาหากิน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ จะเป็นฝ่ายมาเที่ยวหา กิจวัตรประจำวันของตัวน้องชายก็จะนั่งลับมีดกรีดยาง เลี้ยงไก่ นอนฟังเพลง ดีดกีต้าร์เล่นดนตรี และหาเงินเลี้ยงดูแม่ที่แก่ชรา และมีโรคประจำตัว ด้วยการกรีดยางพาราขาย โดยไม่เคยออกห่างทิ้งแม่ทิ้งบ้านไปไหนไกล ๆ นาน ๆ ซึ่งไม่คิดว่าจะต้องมาเสียชีวิตจากการถูกยิง
จากการสอบถามย้ำถึงปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างผู้เสียชีวิตกับผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่ง ที่มีปัญหากันมาตลอด คำตอบที่ได้ค่อนข้างคลุมเครือ ดูเป็นกังวลใจ และไม่อยากจะเอ่ยถึง บอกเพียงว่าไม่ขอให้ข้อมูลในเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต แต่ขอยืนยันว่าผู้ตายเป็นคนดี หาเงินเลี้ยงดูแม่มาตลอด
จากการให้ข้อมูลประวัติส่วนตัวของผู้ตาย จากบุคคลที่ใกล้ชิดและคนรู้จักสนิทสนมกัน ซึ่งไม่ขอเอ่ยนามและเปิดเผยตัวตน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยอย่างกับตัวนายสีแก้ว ทราบว่าช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมานายสีแก้ว (ผู้ตาย) มักมีปัญหาความขัดแย้งกับผู้นำชุมชนคนหนึ่ง ทั้งทางวาจาและการกระทำ ถึงขั้นบาดหมางใจและหวังจะเอาถึงชีวิตมาแล้วหลายครั้ง โดยชาวบ้านในพื้นที่ต่างรู้ดี ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากที่แม่ของผู้เสียชีวิต ถูกผู้นำคนดังกล่าวใช้อิทธิพลอำนาจโกงที่ดินของแม่คนที่แก่ชราไปแบบไร้ความรู้ที่จะไปต่อสู้ ขณะที่เจ้าตัวทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่เกาะ พีพี จ.สุราษฎร์ธานี จนกระทั่งทนไม่ไหวที่แม่ถูกรังแก จึงตัดสินใจออกจากงานกลับมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ มาทำงานกรีดยางหาเงินดูแลปกป้องครอบครัว
นายสีแก้ว มักเล่าให้เพื่อน ๆ ที่สนิท และชาวบ้านที่ไว้ใจได้ ฟังถึงเรื่องส่วนตัวและปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดว่า มักถูกผู้นำคนดังกล่าวใช้อิทธิพลข่มขู่ กลั่นแกล้ง สร้างเรื่องให้ตนเองและคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่ที่แก่ชราอายุกว่า 80 ปี แล้ว และยังมีโรคประจำตัว ให้เกิดความเครียด เดือดร้อนอยู่เป็นประจำ ชอบสร้างสถานการณ์ให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจผิด ให้ดูว่าตนเองเป็นคนเกเร ไม่ทำงานทำการ วันดีคืนดีก็มักนำปืนมายิงเล่นลักษณะข่มขู่ตนเอง ที่บริเวณสวนหลังบ้าน กล่าวหาว่าตนเองเกเรชอบยิงปืนเล่น และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีอาวุธปืนแม้แต่กระบอกเดียว
นายสีแก้ว ยังมักตัดพ้ออยู่ตลอดว่าสงสารแต่แม่ ที่ต้องทนทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ หากมีปืนจริง คงไม่เอามายิงเล่นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การตายของนายสิทธิชัย (สีแก้ว) แป้นจันทร์ จะเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น กับผู้นำท้องถิ่นคนดังกล่าว ตามคำบอกเล่าที่ออกมาจากปากของชาวบ้านและคนสนิทของผู้ตายที่อยู่ในพื้นที่หรือไม่นั้น ยังคงต้องรอการสืบสวนติดตามตัวชายวัยรุ่นอีกคน ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของปืนและได้นำมานั่งถือเล่นกัน จนเกิดลั่นใส่กันจนเป็นเหตุให้นายสีแก้วถึงกับเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนและเขาวัวของเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์อีกคน ซึ่งจะด้วยอุบัติเหตุหรืออะไรกันแน่นั้น ต้องรอให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวมาเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ส่วนนายสุรเชษฐ์ ซึ่งเป็นพยานเพียงคนเดียวที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ในเวลาต่อมา โดยยังคงรู้สึกตกใจ และวิตกกังวลใจถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต หวั่นเกรงว่าอาจจะได้รับอันตราย เนื่องจากไม่ทราบถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของนายสีแก้ว ซึ่งจะเป็นอุบัติเหตุปืนลั่นใส่ หรือจะเป็นการตั้งใจให้เกิดขึ้น ตนเองก็ได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดไปในสิ่งที่เห็นกับพนักงานสอบสวนไปเป็นที่เรียบร้อย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: