นครศรีธรรมราช : คืบหน้าคดีปืนลั่นใส่หนุ่มสวนยาง ‘อดีตพลทหารเรือ’ ดับ แม่-พี่สะใภ้ มั่นใจ ที่มาของการตายเกี่ยวข้อง ‘ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น’ แม่เผยทั้งน้ำตา เสียใจ ลูกชายเคยถูกปืนจ่อหัวหลายครั้ง
วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 จากเหตุการณ์ นายสิทธิชัย (สีแก้ว) แป้นจันทร์ อายุ 34 ปี อดีตพลทหารต่อสู้อากาศยาน (ทร.) ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง 1 นัด เข้าที่แขนและลำตัวจนเสียชีวิตในบ้านพักของตัวเอง เมื่อคืนวันที่ 4 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน ‘หมอนรองกระสุน’ ของลูกปืนลูกซอง ที่ตกอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจเป็นกระสุนปืนที่ใช้ปลิดชีพนายสิทธิชัย เพื่อติดตามหาตัวเจ้าของอาวุธปืน
ในเบื้องต้น เป็นเหตุการณ์คล้ายลักษณะปืนลั่นใส่ เพราะเกิดเหตุขณะเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นเจ้าของปืนมานั่งคุยด้วยในวันเกิดเหตุ โดยมี นายสุรเชษฐ์ คล้ายณรังษี อายุ 37 ปี เพื่อนสนิทของผู้ตาย อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย หลังเกิดเหตุนายสุรเชษฐ์ ยังพยายามช่วยชีวิต แต่ไม่เป็นผล และจากการให้ข้อมูลต่อตำรวจของนายสุรเชษฐ์ เห็นว่าทั้งคู่ (ผู้ตายและเพื่อนรุ่นน้องเจ้าของปืน) นำอาวุธปืนที่มีลักษณะคล้ายปืนชนิดอื่น (.22 ไม่ใช่ปืนลูกซอง) ออกมาถือเล่นกันอยู่ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด เป็นเหตุให้นายสิทธิชัย เสียชีวิต และเพื่อนรุ่นน้องหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาวุธปืน และเขาวัวของนายสุรเชษฐ์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ที่บ้านเลขที่ 178 ม.5 บ้านตีนนา ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของ นางลำไย แป้นจันทร์ อายุ 80 ปี แม่ของผู้ตาย ทางครอบครัวได้จัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพนายสิทธิชัย เป็นคืนแรก เมื่อคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจ ในวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม 2564 บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงาและเศร้าโศกของญาติ ๆ โดยเฉพาะนางลำไย แม่ของผู้เสียชีวิต
ข่าวน่าสนใจ:
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปในบ้านเพื่อพบกับ นางลำไย ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่บริเวณพื้นครัวหลังบ้าน ด้วยท่าทางเศร้าสร้อย น้ำตาซึมอยู่ตลอดเวลา
นางลำไย เปิดใจถึงความรู้สึกที่จุกแน่นอยู่ในอก ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย ที่อาจเกิดมาจากความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมากับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งไม่ขอเอ่ยนาม ยืนยันว่า ลูกชายไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร วัน ๆ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงิน ด้วยการทำสวน กรีดยาง เพื่อเลี้ยงดูตนเองที่แก่ชรา อีกทั้งยังป่วยมีอาการเหน็บชา ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ การเสียลูกชายคนนี้ไป ทำให้ตนเองจะต้องเกิดความลำบากมากขึ้น
นางลำไย เผยถึงปัญหาเดียว ที่คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุการตายของลูกชาย น่าจะมาจากปัญหาในอดีตเรื่องที่ดิน จนกระทั่งลูกชายถูกบุคคลที่มีอิทธิพลรังแกอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ลูกชายมาเล่าเรื่องให้ฟัง ตนเองก็ได้แต่บอกไปเสมอว่า “อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เราไปต่อสู้และทำอะไรเขาไม่ได้หรอก”
ทั้งนี้ ลูกชายถูกรังแกและเจอเหตุการณ์หนัก ๆ อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งถูกผู้มีอิทธิพลคนนี้ นำปืนมาจ่อหัว เพื่อข่มขู่ และใช้ให้กลุ่มวัยรุ่นเครือญาติบุกเข้ามาพร้อมอาวุธหวังทำร้ายในยามวิกาลหลายครั้ง ตนเองก็ไม่มั่นใจว่า สิ่งที่เปิดเผยออกไปในวันนี้ จะเป็นผลดีต่อตนเองหรือไม่ อยากให้ตำรวจเร่งจับคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว
ตลอดการให้ข้อมูล นางลำไย ค่อนข้างมีสีหน้ากังวลใจ แสดงท่าทีอึดอัด และพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
นางลำไย ยังเล่าถึงช่วงเกิดเหตุอย่างละเอียดว่า ตนเองนอนอยู่ในบ้าน และได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ขับออกไป หลังสิ้นเสียงปืน จนกระทั่งเพื่อนของลูกชายวิ่งมาบอกว่า ลูกชายถูกยิง พร้อมถามสถานที่เพื่อแจ้งมูลนิธิมาช่วยเหลือ ตามที่เสนอข่าวไป
ต่อข้อถามที่ว่า มีลางสังหรณ์อะไรหรือไม่ ก่อนที่นายสิทธิชัย จะเสียชีวิต นางลำไย เล่าว่า ทุกอย่างเป็นเหมือนปกติ ครั้งสุดท้ายที่เห็นลูกชาย คือ ตอนกลางวันที่ลูกชายนั่งกินข้าวอยู่ที่พื้นหน้าบ้าน ก่อนเดินกลับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ บอกว่าเพื่อนมาหา ไม่นานลูกชายก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อนมมาให้ตนเอง โดยไม่คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นลูกชายอันเป็ที่รัก แต่เมื่อคืนได้ยินเสียงคล้ายคนมานั่งกินข้าว เชื่อว่าคงเป็นลูกชายมาหา
ด้านนางเรวดี แป้นจันทร์ อายุ 38 ปี พี่สะใภ้ของผู้ตาย เล่าเรื่องจริงที่ประสบกับตัวเอง จากเหตุการณ์ที่นายสิทธิชัย เกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังกลุ่มวัยรุ่น 3-4 คน ที่อยู่ในกลุ่มเครือญาติผู้มีอิทธิพลบุกเข้ามาพร้อมมีดพร้าในยามวิกาล จนต้องวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากตนเอง ที่บ้านอีกหลังซึ่งอยู่ด้านใน ห่างจากบ้านเกิดเหตุราว 60 เมตร ตนเองได้ถามกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวว่ามาทำอะไร ได้รับคำตอบว่า “ต้องการมาเคลียร์ปัญหา” จึงถามกลับไปอีกว่า มาเคลียร์ปัญหาอะไรกัน จึงต้องมากันในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ แถมยังพกพาอาวุธมีดติดตัวมาด้วย นี่มันไม่ใช่การเคลียร์ปัญหาอย่างแน่นอน หลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น นายสิทธิชัยก็ไม่กล้านอนที่บ้านของตัวเองอีกเลย ต้องมานอนบ้านแม่ เพราะรู้ตัวมาตลอดว่าจะไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ถูกรังแกถึงขั้นทำร้ายร่างกายหวังเอาชีวิตกัน แต่ก็รอดมาได้ กระทั่งมาเกิดเหตุทำให้จบชีวิตในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ญาติพี่น้องทุกคนกำลังพุ่งเป้าสาเหตุการตาย ไปหาผู้มีอิทธิพลที่เคยมีความขัดแย้งกับผู้ตาย ในประเด็นปัญหาเรื่องที่ดิน ถึงขั้นข่มขู่เอาชีวิตกัน แต่อาจสาวไปไม่ถึงตัวบุคคลนี้ได้ เนื่องจากภาพเหตุการณ์และข้อมูลที่ออกไป กำลังถูกกลบเกลื่อนให้สังคมเชื่อว่า ผู้ตายถูกปืนลั่นใส่ตัวเอง ด้วยปืนของเพื่อนรุ่นน้องที่บังเอิญเข้ามาอยู่ร่วมในวันเกิดเหตุ หลังนายสิทธิชัย เป็นผู้โทรศัพท์ตามเด็กหนุ่มคนนี้ ให้มาดูเขาวัวที่ต้องการ เพราะเป็นเหตุการณ์ประจวบเหมาะ ที่ทั้งคู่นำปืนออกมาเล่นกัน จนมีเสียงปืนดังขึ้น และทำให้นายสิทธิชัย ต้องเสียชีวิต
แต่ข้อมูลอีกด้านที่ยังไม่ถูกเปิดเผย คือ อาวุธปืน กลับเป็น ‘คนละชนิดกัน’ กับกระสุนปืนที่ปลิดชีพนายสิทธิชัย (ปืนลูกซอง) ซึ่งจากการสืบทราบมา คือ ปืนที่เพื่อนรุ่นน้องนำมานั้น เป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืนขนาด .22 ที่มีการดัดแปลงขึ้นมา แถมใช้การไม่ได้
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มคนนี้ ซึ่งมีชื่อย่อ ค. เป็นเด็กเลี้ยงวัว วัยไม่ถึง 20 ปี กำลังถูกโยงใยและอาจต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถหาตัวคนร้ายที่แท้จริงและอาวุธปืนที่ใช้ยิงมาดำเนินคดีได้ อาจจะต้องกลายเป็นแพะรับบาป ทั้งที่ในความเป็นจริง เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี แต่ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไป เพื่อไปแจ้งเหตุแก่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ไม่น้อยกว่า 4 หลังคาเรือน เพื่อให้มาช่วยนายสิทธิชัย แต่กลับถูกปฏิเสธและได้คำตอบว่า “มาบอกทำไม ญาติพี่น้องคนตายก็เยอะแยะไป”
ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่ ต.กำแพงเซา อย่างต่อเนื่องหลังเกิดเหตุ เพื่อควานหาตัวเด็กหนุ่มคนนี้ กระทั่งเจอตัวและสอบปากคำแล้ว แต่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลความคืบหน้า ส่วนเด็กหนุ่มเองก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ :
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: