นครศรีธรรมราช : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง! แหวนทองคำสูญหาย 7 วันจนถอดใจ ต้องพึ่งพาบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จู่ ๆ แหวนถูกพบโดยคนจิตใจงาม บน ‘เส้นทางเดินของผี’ ตามคำทำนาย
จากกรณี นายกิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวเว็บไซด์ 77 ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำแหวนทองคำเกลี้ยงน้ำหนัก 2 สลึงมูลค่ากว่าหมื่นบาท หล่นหาย บริเวณลานพื้นดิน หน้าบ้านเลขที่ 250 ม.3 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของนายสุรเชษฐ์ (แนน) คล้ายณรังษี อายุ 37 ปี เพื่อนสนิท ซึ่งได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาให้พบ ไม่เว้นการบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่าง ‘พ่อท่านสมภารเพ็งจันทร์’ วาจาสิทธิ์ ‘วัดหนองบัว’ ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่เลื่องชื่อด้านความศักดิ์สิทธิ์ หากใครทำสิ่งของสูญหาย และได้มาบนบานขอกับพ่อท่านแล้วก็จะได้กลับคืนภายใน 3 วัน 7 วัน รวมถึงพระภูมิเจ้าที่ พระแม่ธรณี ผีบ้านผีเรือน หรือแม้แต่สัมภเวสี ภูตผีปีศาจ ที่อาจบังตาอยู่ทำให้ไม่พบเห็น กระทั่งให้ผู้ที่มีสัมผัสพิเศษในตัว หรือหมอดู ช่วยดูให้ (ตามความเชื่อ) ซึ่งคำตอบที่ได้นั้นคือ “ไม่ได้หายไปไหน เดี๋ยวก็เจอ เพียงแค่มีเงาดำ ๆ บดบังอยู่”
แหวนวงดังกล่าว ตกหายไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.64 กระทั่งมาพบในวันที่ 10 ก.ค.64 ซึ่งครบ 7 วันพอดี หลังนายสุรเชษฐ์ เจ้าของบ้าน เดินหาเล่น ๆไปเรื่อย ๆ ในช่วงเย็น ก่อนพลบค่ำ เนื่องจากเวลากลางวันจะต้องเก็บผลมังคุดไปขาย เดินหาด้วยการใช้เท้าแหวกหญ้าไปมา กระทั่งเกิดสะดุดสายตากับสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า แสงสะท้อนสีเหลืองทองของแหวนได้เป็นประกายออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด แม้จะถูกบดบังและปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าก็ตาม แต่หากไม่สังเกต และแหวกหญ้าออกก็จะไม่มีทางพบเห็นได้อย่างแน่นอน เนื่องจากจุดที่พบนั้นไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่คาดคิดว่าจะทำหล่นหาย และมีระยะห่างเกินไปกว่า 2 เมตรเลยด้วยซ้ำ หลังพบแหวน นายสุรเชษฐ์ได้โทรศัพท์บอกให้มารับคืน
นายกิติ์ดนัย กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากขณะที่รับสายโทรศัพท์ ประโยคแรกที่ได้ยินประกอบกับน้ำเสียงที่นายสุรเชษฐ์ใช้พูดออกมานั้นหมายความว่า กำลังได้รับความเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลืออยู่ “คุณผมมีเรื่องเดือดร้อน คุณช่วยโอนเงินมาให้ผมด้วย 500 บาท”
ข่าวน่าสนใจ:
ตนเองรู้สึกค่อนข้างตกใจ มากเนื่องจากเพิ่งแยกกันเพียงไม่ถึง 20 นาที หลังเข้าไปเดินหาแหวนในช่วงเย็น ก่อนถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยว่า “เกิดอะไรขึ้น” จนในที่สุดประโยคคำพูดที่นายสุรเชษฐ์พูดต่อคือ “ผมพบแหวนของคุณแล้ว มาเอาได้เลย”
“นับเป็นข่าวดีที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากได้ถอดใจไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังค้นหามาหลายวันจนรู้สึกหมดหวัง ไร้วี่แววที่จะได้คืน มา ได้เพียงแต่ภาวนา นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น และแล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจริง ๆ” นายกิติ์ดนัย กล่าว
สิ่งที่ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจ เมื่อนายสุรเชษฐ์เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวในอดีตของสถานบริเวณนี้ โดยเฉพาะจุดที่พบแหวน เคยเป็นร่องทางเดินเท้าของคนในสมัยอดีต ที่ใช้แบกหามศพคนตายนำไปเผายังเชิงตะกอน ปัจจุบันเรียกละแวกนี้ว่า ‘บ้านเปลวเทดา’ หรือป่าช้าเก่า ตามความเชื่อที่ว่า ‘เป็นทางเดินผี,ประตูผี’
นายกิติ์ดนัย กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่อง จึงนึกถึงคำพูดของผู้ที่มีจิตสัมผัสพิเศษที่บอกไว้ว่า “มีเงาดำบดบังอยู่ แหวนไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น” ตนเองจึงนำธูปเทียนมาจุดบูชาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เอ่ยขอไว้ โดยเฉพาะพระภูมิเจ้าที่ พระแม่ธรณี ผีบ้านผีเรือน ในทันที พร้อมกับกล่าวคำขอขมาและขอบคุณที่ทำให้ได้พบสิ่งของที่หายไป พร้อมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลถึงดวงจิตวิญญาณ สัมภเวสี ผีเร่ร่อน ที่ยังคงวนเวียนสิงสถิตอยู่ในที่แห่งนี้ ให้มารับส่วนบุญ พร้อมขอพรให้กับนายสุรเชรษฐ์ ด้วยผลบุญความดีที่ทำ ช่วยหนุนนำให้ประสบแต่สิ่งที่ดี มีแต่ความเจริญ โดยเฉพาะการถือ ‘สัจจะวาจา’ ที่นายสุรเชษฐ์ยึดถือปฏิบัติมา และได้บอกกับตนเองทุกครั้งว่า “ไม่ต้องกังวลใจ หากพบเจอก็จะคืนให้อย่างแน่นอน”
ขณะที่กำลังแผ่ส่วนบุญใกล้จะจบลง ตนเองและนายสุรเชษฐ์ ต่างรับรู้และสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง โดยเฉพาะความเย็นยะเยือกที่พัดผ่านร่างกายไปทั้ง ๆ ที่ไม่มีลมพัดผ่านเข้ามา จนเกิดอาการขนลุกซู่ไปถึงศีรษะ
นายกิติ์ดนัย กล่าวด้วยว่า ตนเองเป็นคนไม่เคยเชื่ออะไรได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อ เรื่องพลังงาน,ดวงวิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,การทำนายทายทัก หรือแม้แต่ภูตผี ยังกลับมองเป็นเรื่องงมงาย ทุกครั้งจะนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาหักล้างอยู่เสมอ มาครั้งนี้ได้เจอสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ไม่สามารถพิสูจน์และหาคำตอบได้ บอกได้คำเดียวเลยว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ”
อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมคนที่มีจิตใจงดงามอย่าง นายสุรเชษฐ์ คล้ายณรังษี เพื่อประกาศให้สังคมได้รับรู้ถึงคุณความดี ที่ไม่มีกิเลสอยู่ในตัว ไม่คิดอยากได้ของผู้อื่น แม้ชีวิตจะไม่ได้ร่ำรวยสุขสบายอย่างใคร ๆ ไม่ได้จบการศึกษาสูง ไม่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีหรือมั่นคง เป็นเพียงคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่ทำงานรับจ้างก่อสร้าง หาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ โดยการไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ
หากเทียบมูลค่าแหวนที่มีราคานับหมื่นบาท แต่ด้วยจิตใจที่ดีงาม ไม่มีความอยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน จึงมอบคืนให้กับผู้เป็นเจ้าของด้วยความภาคภูมิใจ และมิตรภาพที่ดี ซึ่งจะมีให้แก่กันตลอดไป
และในวันนี้ทั้งนายกิติ์ดนัย และนายสุรเชษฐ์ ได้ไปแก้บนด้วยการนำเงินไปใส่ ‘โกร่ง’ หรือตู้ พ่อท่านสมภารเพ็งจันทร์ ภายในวัดหนองบัว เป็นที่เรียบร้อย
อ่านข่าวที่เกี่ยวเนื่องได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: