นครศรีธรรมราช:จอมพล ปฏิวัติ แถลงการณ์ ‘ไล่นายกฯ ประยุทธ์’ ในนาม ไทยไม่ทน ภาคใต้ พร้อมนำกลุ่มประมงพื้นบ้านแนวชายฝั่ง กว่า 30 คน ร่วมแถลงการณ์ เรียกร้องแก้ไขปัญหาการจับกุมกลุ่มประมงชายฝั่งเดือดร้อน กรณีใช้เครื่องมือหาปลาที่ผิดกฎหมาย
วันที่ 9 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บริเวณศาลาประดูหก ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มไทยไม่ทน ภาคใต้ และ กลุ่ม #saveนาบอน กว่า 30 คน นำโดย นายจอมพล ปฎิวัติ ได้รวมตัวกันอ่านจดหมายเปิดผนึก ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ปกครอง ทั้งในและนอกเครื่องแบบ
ทั้งนี้ ในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ระบุ ถึงพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช และพี่น้องชาวใต้ทุกท่าน ดังที่ปรากฎชัดแล้วว่า การบริหารประเทศของประยุทธ์ ได้สร้างความวิบัติ หายนะ ให้กับประเทศชาติและประชาชน อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ผู้คนเสียชีวิตจากโรคมากกว่าหนึ่งหมื่นคน ติดเชื้อโรคมากกว่าหนึ่งล้านคน เศรษฐกิจล่มสลาย คนตกงานมากกว่า 10 ล้านคน ประชาชนอดอยากไร้อนาคต แต่เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แทนที่ ส.ส.จะมีจิตสำนึกในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ร่วมกันปลดประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง แต่กลับเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ช่วยให้พลเอกประยุทธ์และคณะ มีโอกาสอยู่ต่อ ทำลายประเทศ ชีวิต เศรษฐกิจต่อไป โดยเฉพาะ ส.ส.ของจังหวัดนครศรีธรรมราชของเรา แม้จะร่วมอยู่ในพรรครัฐบาล แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่สามารถแก้ไขปัญหา ให้พี่น้องชาวนครศรีธรรมราชได้เลย ซ้ำร้ายเมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีที่ถูกประณามว่าเป็นฆาตกร ผู้ที่เป็นตัวแทนของเราอย่าง ส.ส.พื้นที่ กลับร่วมโหวตไว้วางใจให้ ฆาตกรได้อยู่ต่อ เราจึงขอประณามผู้คนเหล่านี้ ที่มีส่วนร่วมฆ่าให้คนไทย ตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่า เป็น ส.ส.ฆาตกร เช่นเดียวกับ นายกรัฐมนตรีฆาตกร
ลงชื่อ คณะ #ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย และ กลุ่ม #saveนาบอน
ข่าวน่าสนใจ:
- อดีตเลขาฯ นายก อบจ.คนแรก ประกาศตัวลงชิงนายก ท้าชนเพื่อไทย
- ตรัง สถาบันพระบรมราชชนกเตรียมผลิต 9 หมอรุ่นใหม่ นวัตกรรมสุขภาพไทยสู่ระดับโลก
- สุราษฎร์ ฯ อ่วม ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน จนท.เร่งช่วยเหลือประกาศภัยพิบัติเพิ่มเป็น 8 อำเภอ เสียชีวิตแล้ว 2 ราย
- นายกฯ ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ พร้อมสั่งการหน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร…
ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังกลุ่มไทยไม่ทน ภาคใต้ และ กลุ่ม #saveนาบอน ได้ร่วมอ่านจดหมายเปิดผนึก ซึ่งใช้เวลากว่า 30 นาที แล้วเสร็จ นายจอมพล เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ มาเพื่อรับหนังสือของกลุ่มชาวประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมาย และ อ่านจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ผ่านทางสื่อโซเชียลไปถึงนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1) ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีลาออกจากการปฎิบัติหน้าที่
2) ขอให้ ส.ส.ที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล ถอนตัวออกจากการทำงานร่วมกับรัฐบาล
3) ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่อนปรนผู้ประกอบอาชีพประมงผิดกฎหมายในช่วงวิกฤตนี้ ให้อยู่ร่วมในสังคมได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่านายกรัฐมนตรีไม่ลาออกอย่างแน่นอน เพราะท่านดื้อ และการมาร่วมตัวเรียกร้องในครั้งนี้ไม่จำเป็นจะต้องมีคนจำนวนมาก เนื่องจากมีกฎหมายหลายตัวที่สามารถเอาผิดได้ ผมมาเพื่อบอกว่า นายกรัฐมนตรีหมดความชอบธรรมแล้ว
ด้าน นายสมชาย เจริญลาภ กล่าวว่า เดินทางมายื่นหนังสือ เพื่อให้ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาที่กลุ่มชาวประมงเรือเล็กไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพได้ด้วยเหตุความผิดที่ใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย (อวนรุน อวนลาก ไอ้โง่)
“ ทุกวันนี้ชาวประมงหลายร้อยคนที่ประกอบอาชีพหาปลาตามแนวชายฝั่งโดยมีเรือเล็กขนาด 1 ถึง 9 ตันไม่สามารถออกไปทำมาหากินประกอบอาชีพได้ เนื่องจากขัดต่อกฎหมายที่ห้ามใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายออกหาปลาตามแนวชายฝั่ง ซึ่งหากมีการลักลอบออกไปก็จะถูกเจ้าหน้าที่ประมงจับกุมในทันที ที่ผ่านมาตนเองถูกจับกุมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง โทษปรับหลายแสนบาทได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก”
นายสมชายกล่าว ต้องการให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้เห็นถึงความสำคัญวิถีการดำรงชีวิตของชาวประมงโดยเฉพาะอย่างยิ่งปากท้องของชาวบ้านโดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อดังนี้
1)ขอให้มีการผ่อนปรนกฎหมายข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือประมงชายฝั่งที่ผิดกฎหมาย
2)ชะลอการจับกุมกลุ่มชาวประมงที่ออกไปทำมาหากินไปก่อนจนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมาย
3)ขอใช้เครื่องมือประมงพื้นบ้าน (อวนรุน อวนลาก และไอ้โง่)
นายจุรินทร์ ทิพย์ประไพ ชาวประมงชายฝั่งจากพื้นที่ ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ทุกวันนี้พวกเราชาวประมงต้องทุกข์ยากต่อการไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีประกอบกับกลุ่มชาวประมงตามแนวชายฝั่งถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มเรือประมงพาณิชย์ (เรือใหญ่ขนาด 10 ตันขึ้นไป) ที่สามารถออกหาปลาได้ในระยะไกล แต่ในความเป็นจริงยังคงใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงเรือประมงที่มีอยู่ยกตัวอย่างใน 300 ลำ จะเป็นเรือที่ถูกกฎหมายอยู่เพียงแค่ 100 ลำเท่านั้น
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: