นครศรีธรรมราช:คุมสถานการณ์ไม่อยู่ ยอดโควิด-19 พุ่งไม่หยุด ผู้ว่าราชการจังหวัดออกประกาศด่วน ปิดอำเภอเมือง หวังควบคุมโรคลดตัวเลขผู้ติดเชื้อ มีผล 2 ตุลาคม 2564
นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เพื่อให้การควบคุมโรคโควิด-19 ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นไปตามแนวทางการป้องกันและควบคุมโรคระบาด และสนับสนุนการปฏิบัติงานเพื่อสอบสวนโรค และคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้ในเร็ววัน จำเป็นต้องมีการประกาศปิดพื้นที่เป็นการชั่วคราวในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยการสั่งการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
ซึ่งการประกาศปิดพื้นที่นั้นจะส่งผลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการของทางกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ใน 5 ประเด็น ประกอบด้วย
1.จะมีการตั้งด่านปิดเป็นการชั่วคราว พื้นที่โดยรอบเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยเน้นการปฏิบัติหวังผล
2.มีการปิดชุมชนในเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช
3.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ ใช้สายด่วน 199 และ หมายเลขโทรศัพท์ 075-348118 เพื่อรับแจ้งเหตุสถานการณ์ โควิด-19 ตลอด 24 ชม.
4. เพิ่มโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอย โดยโรงพยาบาลเอกชน ภาคเอกชน และชมรมแพทย์แผนไทยสนับสนุน
5.งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ ที่เป็นสถานที่ ที่มีหารแพร่ระบาด รวมทั้งให้สถานประกอบการและหน่วยงาน ลดความเสี่ยง พร้อมประเมินตนเองต่อเนื่อง
ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การประกาศปิดชั่วคราวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ดังกล่าว เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ หลังพบว่ามีการระบาดของโรค และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ค่อนข้างสูงมาต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ โดยขอให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็น รวมทั้งมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย พี่น้องชาวนครศรีธรรมราช จะกลับมาใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ดีไปด้วยกัน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าสุดที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยถึงยอดตัวเลขของผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ ( 1 ต.ค.64 ) มีจำนวนมากถึง 526 ราย ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยสะสมรวม 17,233 รายแล้ว
โดยมีผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 4,206 ราย เป็นผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วสะสม 12,217 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 95 ราย
