นครศรีธรรมราช : ‘กำนันหัวตะพาน’ ยื่นหนังสือร้องนายอำเภอท่าศาลา หลังพบต้นไม้ที่ปลูกในที่สาธารณประโยชน์ ข้าง อบต.ถูกตัด ขณะที่นายก อบต.ยอมรับ เป็นผู้สั่งตัดเอง เหตุบดบังวิสัยทัศน์-สายไฟ-เป็นอันตรายต่อเด็ก
วันที่ 20 มกราคม 2565 นายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นายอำเภอท่าศาลา รับหนังสือรายงาน กรณีกลุ่มบุคคลตัดโค่นต้นไม้ในที่ดินสาธารณประโยชน์ หมู่ที่ 7 ตำบลหัวตะพาน โดยมี นางมนต์ฤดี ศรีวิสุทธิ์ กำนันตำบลหัวตะพาน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ยื่นหนังสือ
นางมนต์ฤดี เปิดเผยว่า เดินทางมายื่นหนังสือ ในฐานะเป็นผู้นำท้องที่จะต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาทราบ ถึงการลักลอบตัดไม้จำนวนมากในพื้นที่สาธารณประโยชน์ ว่าถูกต้องหรือไม่ อย่างไร ทั้งที่ต้นไม้เหล่านี้ปลูกเนื่องในวันสำคัญ วันที่ 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม เป็นสิ่งสำคัญประจำหมู่บ้าน และไม่มีเหตุผลอันใดที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้จะต้องไปตัด เพื่อให้ทางอำเภอตรวจสอบข้อเท็จจริง ขอยืนยันว่าการทำหน้าที่ครั้งนี้ มิได้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทำหน้าที่ในฐานะเป็นผู้นำท้องที่เท่านั้น
กำนันตำบลหัวตะพาน กล่าวด้วยว่า พื้นที่ดังกล่าว เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ ก่อนหน้านี้ องค์การบริหารส่วนตำบลหัวตะพาน ขอใช้พื้นที่จำนวนหนึ่งเพื่อก่อสร้างที่ตั้งสำนักงาน ส่วนที่ดินที่เหลือยังคงเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งทางตำบลได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น งานประเพณีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ซึ่งจัดติดต่อกันมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว
ด้านนายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นายอำเภอท่าศาลา กล่าวว่า จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากพบการกระทำความผิด จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ สำหรับไม้ที่ถูกตัด ได้สั่งห้ามเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่แล้ว และเท่าที่ทราบไม้ยังไม่ได้หายไปไหน
จากการตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าว ผู้สื่อข่าวพบร่องรอยการตัดต้นไม้จริง บางแห่งเหลือแต่ตอ และมีไม้ท่อนใหญ่ที่ถูกตัดวางกองเรียง ๆ ไว้
ขณะที่นายวิรัตน์ รูปโอ นายก อบต.หัวตะพาน ยอมรับว่าเป็นคนสั่งการให้ตัดต้นไม้ดังกล่าวเอง โดยมีชาวบ้านพร้อมด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและเจ้าหน้าที่ เป็นผู้ร่วมกันตัด เนื่องจากต้นไม้บางส่วนบดบังสายไฟฟ้าก่อให้เกิดปัญหา อีกทั้งบางส่วนยังอยู่ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายต่อลูกหลาน โดยไม่ได้มีเจตนาจะทำลายต้นไม้เหล่านั้น
“ยืนยันเป็นการปรับภูมิทัศน์ เพื่อให้เกิดความสวยงาม ไม่คิดว่าจะเป็นการทำลายอะไร แม้แต่อาคารสถานที่ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติในเวลานี้ก็เก่าแก่ชำรุด ไม่สามารถใช้การได้เช่นกัน ตนเองในฐานะผู้นำท้องถิ่น ต้องการพัฒนาพื้นที่ให้มีความเจริญและสวยงามมากยิ่งขึ้น” นายก อบต.หัวตะพาน กล่าว
