นครศรีธรรมราช : น้ำป่าจากตัวเมือง ไหลเชี่ยวออกสู่ทะเล ซัดเรือประมงขนาดใหญ่ 30 ลำ หลุดจากท่า ลอยคว้างออกกลางทะเล และล่มปากอ่าวอีก 1 ลำ เสียหายหลายล้านบาท เจ้าของเรือเรียกร้องภาครัฐเข้าช่วยเหลือด่วน
วันที่ 6 เมษายน 2565 ความคืบหน้า หลังฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ในหลายอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.สิชล ท่าศาลา ขนอม และ อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลายครัวเรือนต้องติดค้างอยู่ในบ้านที่ถูกล้อมรอบด้วยน้ำ พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย และยังทำให้ถนนสายหลัก เส้นทางนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี ช่วงหลัก กม.227 ที่น้ำท่วมสูงจนรถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไป-มาได้
วันนี้ สถานการณ์คลี่คลาย หลายพื้นที่น้ำลดลงจนกลับสู่ภาวะปกติ แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง อยู่ระหว่างการสำรวจและช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม กลางดึกคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือประมงขนาดใหญ่ 30 ลำ ที่จอดอยู่ในคลองด่านภาษี หมู่ 9 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา บริเวณหน้าแพปลาเจ๊หมู แพปลานายอ๊อด และแพปลาเจ๊แบน ถูกกระแสน้ำป่าพัดออกไปลอยลำกลางทะเล
นายพรชัย สิทธิสงวน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.ท่าศาลา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุ บรรดาเจ้าของเรือนำเรือประมงเข้ามาจอดหลบในคลองภาษี เพื่อความปลอดภัย แต่คาดว่าช่วงเวลา 00.30 น. น้ำป่าที่ไหลลงมาจาก อ.นบพิตำ ไหลผ่านคลองภาษี ทำให้พัดเรือออกไปลอยลำกลางทะเล โดยที่ลูกเรือประมงและเจ้าของเรือไม่สามารถออกไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากตลอดเวลา เกรงว่าจะได้รับอันตราย ต้องจำใจยืนดูเรือประมงลอยออกไปกลางทะเลทั้ง 30 ลำ
หลังคลื่นสงบ นายพรชัย พร้อมด้วยเจ้าของเรือประมงและไต๋ก๋ง นำเรือเล็กออกไปขับเรือประมงที่ลอยเคว้งคว้างกลางทะเลกลับเข้าฝั่งมาได้เกือบ 20 ลำ โดยสภาพเรือทั้งหมดกระแทกกันเองจนเสียหายหลายจุด ต้องใช้เวลาซ่อมอีกหลายวัน
ทั้งนี้ ยังพบเรือประมงลอยกลางทะเลอยู่อีก 12 ลำ ที่ยังไม่สามารถลากกลับเข้าฝั่งได้ เพราะคลื่นลมแรงเป็นอุปสรรค
นอกจากนี้ ยังมีเรือประมงชื่อ ‘ท.ร.พาลีช่วย’ ของนางพรพณา เสมาพัฒน์ ล่มอยู่บริเวณปากอ่าวด่านภาษี มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เพราะมีน้ำมันมากถึง 1.3 หมื่นลิตร ที่รั่วไหลลงสู่ท้องทะเลจนหมด ต้องให้กรมเจ้าท่ามาช่วยเหลือกู้เรือประมงลำนี้ต่อไป
ด้านนายวิศา แก้วภู่ เจ้าของแพปลาเจ๊หมู เล่าว่า เรือประมงของตนเองที่ผูกเชือกจอดบริเวณแพปลา กว่า 10 ลำ ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากซัดหลุดลอยไปกลางทะเล ตอนนี้นำกลับมาจนเกือบหมดแล้ว แต่สภาพเสียหายมากเกือบทุกลำ ต้องใช้เวลาซ่อมอีกหลายวันจึงจะสามารถออกทะเลได้ตามปกติ เมื่อรวมมูลค่าความเสียหายของเรือทั้ง 30 ลำ ตกหลายล้านบาท ต้องการให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ รีบเข้ามาช่วยเหลือชาวประมงด้วย เพราะปกติเรือประมงต้องใช้น้ำมันราคาแพงอยู่แล้ว ยังต้องมาประสบปัญหาภัยธรรมชาติอีก
