นครศรีธรรมราช : ‘นายมานะ ยวงทอง’ นักธุรกิจกระดาษลูกหลานคนคอน ประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในนามพรรคภูมิใจไทย จองโซนลุ่มน้ำปากพนัง หวังชิงพื้นที่ ส.ส.เดิม จากพรรคพลังประชารัฐ ขอเข้ามาพัฒนาบ้านเกิดให้รุ่งเรืองดังเดิม เพื่อปากท้องพ่อแม่พี่น้องทุกคน
นายมานะ ยวงทอง นักธุรกิจโรงงานผู้ผลิตกระดาษลูกฟูก ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร วัย 48 ปี ลูกหลานชาวนครศรีธรรมราช ตัดสินใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ โดยจัดเตรียมความพร้อมทุกสรรพกำลัง เพื่อลงสู่สนามด้วยความตั้งใจและแน่วแน่ หวังต้องการนำความเจริญเข้ามาสู่พื้นที่โซนลุ่มน้ำ
นายมานะ ยวงทอง เล่าถึงสาเหตุที่เลือกสังกัดพรรคภูมิใจไทย ว่า ด้วยประวัติของพรรคที่ไม่ด่างพร้อย อีกทั้งที่ผ่านมามีผลงานโดดเด่น อย่างในพื้นที่ภาคใต้ หลายจังหวัดที่มี ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย เช่น จ.กระบี่ ตรัง พัทลุง ต่างก็ได้รับการพัฒนาไปในหลาย ๆ ด้าน ทั้งถนนหนทาง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และอื่น ๆ ขณะที่ จ.นครศรีธรรมราช ยังคงย่ำอยู่กับที่ ทั้งที่มีศักยภาพและความอุดมสมบูรณ์เพียบพร้อม มีทรัพย์ในดิน สินในน้ำ มีคลองแพรกเมือง มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทะเล ภูเขา อันสวยงาม รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างรอยพระพุทธบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่บนเขาพระบาท
หรือแลนด์มาร์คสำคัญ ๆ อาทิ ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และกังหันลม ซึ่งถ้าทุกอย่างที่กล่าวมา ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างจริงจัง จะทำให้วิถีชีวิตและปากท้องของคนในพื้นที่ดีขึ้นมาได้อย่างแน่นอน จึงเป็นที่มาที่ตนเองตัดสินใจเข้ามาสังกัดพรรคภูมิใจไทย
นักธุรกิจหนุ่มจากเมืองกรุง ยังประกาศศึก ช่วงชิงเก้าอี้ จาก ส.ส.คนเดิม เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องชาวเชียรใหญ่และหัวไทร ต้องสูญเสียโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ต่อไปอีก เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของปากท้อง
ซึ่งจากการลงพื้นที่พบปะกลุ่มอาชีพหลักต่าง ๆ ที่ผ่านมา ทั้งเกษตรกรและชาวประมง พบว่า ทุกวันนี้เศรษฐกิจตกต่ำ ย่ำแย่ ทุกอาชีพต่างได้รับผลกระทบ แม้แต่อาชีพค้าขาย หากมองย้อนดูในอดีต คนใน อ.หัวไทร เคยเป็นเศรษฐี มีความรุ่งเรื่องมาก่อน จากการทำนากุ้งและประมง รวมถึงการทำการเกษตร แต่ปัจจุบัน แทบจะกลายเป็นเมืองร้าง เงียบสงัด เพราะต้องมาเจอผลกระทบในหลายด้าน และต้องมาถูกซ้ำเติมด้วยโรคโควิด-19 อีกหลายปี ประชาชนจึงต้องหันมาปรับวิกฤติให้เป็นโอกาส
นายมานะ ยวงทอง มองว่า การเป็นนักการเมืองวันนี้ จะต้องช่วยเรื่องปากท้องของชาวบ้านเป็นลำดับแรก เพื่อให้ชาวบ้านอยู่รอดกับการใช้ชีวิตที่พอเพียง จากนั้นค่อยส่งเสริม สนับสนุน การประกอบอาชีพอย่างเป็นระบบที่ยั่งยืน พื้นที่เชียรใหญ่-หัวไทร ชาวบ้านลำบากมาก สิ่งที่จะช่วยได้ คือ การฟื้นฟูด้านอาชีพให้ดีที่สุด
“ที่ผ่าน ๆ มา นักการเมืองพอได้เข้าไปเป็น ส.ส.แล้ว ก็จะเล่นเกมตบตาประชาชนกันในสภาฯ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่นึกถึงความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหลัก ตัวผมเองเกิดที่ อ.เชียรใหญ่ แม้จากบ้านไปนาน เพื่อเรียนหนังสือ และเติบโตจนประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจ ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงปัญหาในสิ่งที่บ้านเรายังขาด และยังรอคอยความช่วยเหลืออยู่ ที่ผ่านมารู้ว่าการเป็นนักธุรกิจนั้น ไม่สามารถช่วยเหลือสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ทั้งหมด วันนี้ความพร้อมที่ตนเองมี บวกกับความตั้งใจ และการเป็นลูกหลานคนในพื้นที่ สามารถเป็นนักการเมืองที่ดีได้ แม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ก็ตาม
การเมืองต้องคิดให้เร็ว ตัดสินใจให้ได้ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม นึกถึงปากท้องของประชาชนเป็นหลัก เปรียบเหมือนการทำธุรกิจ คือ การลงทุน มีองค์กรเป็นเดิมพัน ถ้ามีผู้บริหารไม่ดี องค์กรก็จะไม่เติบโต ธุรกิจก็ไปไม่รอด ซึ่งไม่ต่างไปจากการเป็นนักการเมือง หากได้ ส.ส.ไม่ดี สุดท้ายผู้ที่จะต้องรับผลกรรมก็คือประชาชน เพราะการเมืองมีอนาคตชีวิตของพี่น้องทุกคนเป็นเดิมพัน“ นายมานะ กล่าวตอนท้ายสุด
ขอบคุณภาพ : ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จาก https://nakhonsistation.com/
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: